ตอนที่แมวตายนะ ตัวล่าสุด
เราไม่พอใจตัวเองอย่างหนึ่งคือ
เรื่องที่นึกเสียดายขึ้นมา
คิดถึงข้อดีของการมีแมวตัวนั้นอยู่
เผลอเอาไปเปรียบกับแมวที่อยู่บ้าง
มันทั้งสวยทั้งฉลาด มีเสน่ห์ดึงดูดให้สนใจ
รู้จักเอาอกเอาใจ วางตัวได้ดีมาก
ไม่สอพลอ ไม่ติดกวนให้รำคาญ
แถมยังเปิดประตูกรงออกมาเองได้
คือแมวตัวอื่นทำไม่ได้ มันทำได้หมด
เป็นแมวในอุดมคติเลยก็ว่าได้
แต่ความฉลาดก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตยืนยาว
ตายแล้วก็ส่งกลิ่นเหม็นโชยมาเป็นระยะ
อาจจะเพราะจมูกเราแบกรับกลิ่นเอาไว้เอง
มันก็ตายไปแล้ว แต่ความเจ็บปวดก็ยังอยู่
อยู่ที่เราอะนะ ที่เปิดแผลเอาไว้รับละมั้ง
มีอยู่อย่างหนึ่งที่นึกขึ้นมาได้
ความชะล่าใจ ประมาท สติ
อาจมีบทเรียนเกี่ยวกับเรื่องทำนองนั้น
ยิ่งเจ็บปวดก็จะยิ่งได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น
อย่าไปรังเกียจความเจ็บปวดอีกเลย
ต้องนึกขอบคุณสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่อง
อะไรก็ตามที่เรามองเป็นปัจจัยให้เกิด
อะไรก็ตามแต่..
มีบุญคุณต่อเรา
ช่วยบ่มเพาะปัญญาความรู้
แม้จะหยั่งมาด้วยความเจ็บปวด
ก็ไม่สาหัสเกินกว่าจมในโคลนตม
เมื่อปัจจัยเอื้อให้เจริญเติบโต
พืชที่เคยต่ำเตี้ยเรี่ยดินมันก็จะเติบใหญ่
หัดเตรียมปัจจัยไว้ให้พร้อมซะนะ
โตไปให้ถึงเมืองยักษ์บนก้อนเมฆ
ปลิดชีพยักษ์แล้วดำดิ่งลงมา
เอ้ย ผิดเรื่องหรือเปล่านะ
ไม่รู้ผิดถูกยังไง เพราะชักจะหลงผิด
เอาแต่คิดว่าตัวเองนั้นตายไปแล้ว
และกำลังใช้หนี้อยู่ในนรกสักที่
คนอื่นนั้นก็ไม่มีอยู่จริง
ให้ตายเถอะ แบบนี้เข้าข่ายดีลูซชั่นป่ะ
แต่ที่รู้ๆ คือ ไม่ดีแน่
คิดแบบนี้ ทำให้เกิดผลเสียตามมาเยอะ
เทียบกับคิดแบบมีสามัญสำนึกแล้ว
คงดีกว่า ถ้ากลับไปใช้คอมมอนเซนส์ได้
แต่เป็นแบบนี้ ก็คงต้องหาทางแก้อะไร
อาจจะเอาไปใช้หาประโยชน์ได้บ้าง
คิดแบบเห็นแก่ตัวหรือเปล่านะ
คงต้องหาทางคิดแบบเห็นแก่ส่วนรวม
น่าจะมองงานที่เป็นสาธารณประโยชน์บ้าง
พอได้ทำงานที่กอบโกยเข้าแต่ตัวเองแล้ว
ก็ยิ่งรังเกียจชีวิตตัวเองมากเข้าไปอีก