เรื่องขี้ๆ ใครๆ ก็ไม่ชอบ
พูดถึงขี้ ใครก็หนีทั้งนั้น
ในวงกินข้าว ใครพูดถึงมักเจอดี
ไม่มีใครอยากกินข้าวไป นึกถึงขี้ไป
ข้าวที่กินจะพาลหมดอร่อย
คำว่าขี้ฟังแล้วก็ไม่สุภาพ
บางคนเลี่ยงที่จะพูดถึง
อาจใช้คำว่าอุจจาระมาแทน
ถึงอย่างนั้น เวลาปวดมาก
ก็มีความคิดผุดขึ้นมาว่าปวดขี้
แทนที่จะคิดว่าปวดอุจจาระ
สิ่งที่ไม่ได้รับการยอมรับหรือความพึงพอใจ
คนในสังคมนั้นก็จะหยิบเอามาใช้เป็นคำด่า
เช่น สัตว์ ขี้ ตูด เปรต ปลวก ควาย ฯลฯ
แต่ไม่ยักมีใครใช้ชื่อตัวเองเป็นคำด่า
หรือใช้สิ่งที่ตัวเองชอบมาเป็นคำด่า
เพราะงั้นคำด่าเลยบ่งบอกสิ่งที่ตัวเองเกลียด
หรือกลัว หรือไม่ชอบ ไม่พอใจ ไม่ต้องการ
แต่คำด่า หรือสิ่งที่ถูกใช้มาเป็นคำด่า
ก็ไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายไปกว่าเจตนาของคน
ความโกรธเกลียดชิงชังเคียดแค้นทั้งหลาย
ล้วนอุบาทว์ยิ่งกว่าคำด่าใดใดในโลก
คนที่เก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ก็เช่นกัน
แต่ราวกับเป็นธรรมชาติของชีวิต
ที่ต้องพบเจอสิ่งอุบาทว์ สิ่งไม่ชอบไม่พอใจ
ยิ่งผลักไสก็ยิ่งเหนี่ยวรัดให้ทุกข์ทนทรมาน
เหมือนเกลียดอะไร ยิ่งได้สิ่งนั้น
เกลียดขี้ กลัวขี้ ก็ต้องเจอแต่เรื่องขี้ๆ
ถึงอย่างนั้น พอรู้สึกตัวได้
ความรู้สึกที่เกิดภายในต่างหากที่น่าเกลียด
เป็นเรื่องน่าเกลียดของเราเพียงเท่านั้น
เกลียดจนรู้สึกไม่อยากจะเกลียด
แต่ก็เหมือนเอาแต่คิดวกวนเพื่อที่จะเกลียด
มีเรื่องไม่พอใจทีไร อยากจะวิ่งหนีไปทุกที
เช่น เวลาไม่พอใจยาย ก็หายานอนหลับกิน
เพราะเราอารมณ์เสียง่าย กลัวจะไปทะเลาะ
หรือไปทำร้ายเอาได้
ก็เลยอยากให้ตัวเองหลับไปมากกว่า
ที่จะเผชิญหน้าโดยตรงกับเรื่องนั้นๆ
การเผชิญหน้ากับสิ่งไม่พอใจมันยากจริงเลย
เวลายายบ่น หรือโอดโอยว่าจะตายแล้วๆ
มันก็ไม่พอใจเอาซะเลย จนอยากผลักไส
เวลาที่ยายขี้ บ่นว่าขี้ไม่ออก ขี้แข็ง ขี้เหม็น
เราก็ทรมานว่าเราต้องคิดตาม ต้องเหม็นตาม
ยิ่งตอนดึกๆ มาปวดขี้ ขี้ในห้องนอน
แทนที่จะได้หลับไปสบายๆ ต้องดมขี้ก่อน
เราก็ไม่พอใจเอาซะเลย
ทั้งที่บางคืนที่สลับให้น้ามานอน เค้าก็เจอ
เผลอๆ อาจจะเจอแย่กว่า หรือทุกข์ทรมานกว่า
พอไม่พอใจอะไรแล้ว มันก็แทบจะรับมันไม่ได้
แทบจะยอมรับไม่ได้ที่ต้องมาเจอขี้ของยาย
แค่ขี้ตัวเองก็น่ารังเกียจพอแล้ว
แล้วยังมาขี้แมวอีก ขี้กระต่ายอีก
เราอยากจะบ่น ก็มีแต่เรื่องขี้ๆ ให้บ่น
มันไม่พอใจเอาซะเลย ไม่อยากเจอขี้
ทั้งที่ขี้เป็นเรื่องทั่วไป เป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดา
พอเทียบกับกลิ่นศพแมวแล้วขี้สดยังเหม็นกว่า
ขี้ท้องเสีย ขี้คนป่วย ขี้คนลำไส้ไม่ดี
ไม่ว่าจะขี้ยังไง มาจากไหน มันก็ทำให้รู้สึกแย่
แต่เพราะเครียดเรื่องขี้ๆ
ก็เลยได้นึกถึงสิ่งที่ดีขึ้นมาได้
เพราะเอาแต่ผลักไสก็เลยเป็นทุกข์
ถึงจะไม่มีเรื่องขี้ ก็อาจจะทุกข์เรื่องอื่นได้อีก
ราวกับว่าคนเรามีธรรมชาติที่จะต้องทุกข์
บางทีก็ไม่อยากจะทุกข์ บางทีก็อยากจะทุกข์
บางทีก็ไม่อยากจะสุข บางทีก็อยากจะสุข
ถ้าให้พูดความจริงก็คงจะพูดได้แค่ชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ แมวก็มาตายไป
แต่เพราะแมวตายเลยได้ทำความสะอาดกรง
เหมือนกับรอให้แมวตายถึงได้ทำ
คงคล้ายกับวัวหายล้อมคอกละมั้ง
แทนที่แมวอยู่จะได้นอนสบายในกรงสะอาด
แต่ก็เอาแต่ผลักไสว่าทำไม่ดีทำไม่ไหวบ้าง
ถึงอย่างนั้นพอได้ลองทำความสะอาดสักที
ก็พบว่าไม่เหม็นอย่างที่เคยคาดคิดไว้
กลับมีกลิ่นต้นไม้ใบหญ้ากลบมามากกว่า
มีรากไม้อ่อนๆ งอกขึ้นไปให้อ็อกซิเจนแก่แมว
เลยนึกขอบคุณต้นไม้ ทั้งเทพารักษ์ที่คุ้มครอง
ให้แมวไม่ต้องทุกข์ทรมานหนักหนาสาหัส
เจ้าแมวที่ตายไป เรนกลับยินดีกับมัน
ที่มันได้พ้นทุกข์ ได้ออกจากกรงไปสักที
เพ่งศพแล้วรู้สึกเศร้า
เพ่งอุจจาระแล้วเกิดรังเกียจ
เพ่งจิตแล้วเกิดสั่นไหว
เพ่งอะไรก็ขอให้รู้สิ่งนั้น
หลายครั้งเรารู้สึกอยากผลักไสสิ่งที่ดี
เพราะรังเกียจสิ่งไม่ดีที่จะตามมาจากสิ่งดีนั้น
ไม่อยากจะเป็นสุข เพราะกลัวความทุกข์ที่ตามมา
มันเลยเหมือนกับไม่อยากอะไร เบื่อหน่ายไปหมด
และความเกลียดที่เกิดขึ้นมันทำให้ทรมานยิ่งนั้น
ตอนที่ต้องดมกลิ่นอุจจาระยายนั้นอาจไม่นาน
แต่กลิ่นกับติดจมูกไปนาน
เวลากลืนน้ำลายแล้วเผลอนึกถึงกลิ่น
ทำให้รู้สึกเหมือนได้กลืนกินมันลงคอ
พอเป็นแบบนั้นแล้วก็รู้สึกแย่มาก
กินอะไรก็นึกถึงแต่กลิ่นขี้ยาย
ราวกับจมูกไม่ยอมรับกลิ่นอื่นเข้ามาเลย
กินอาหารก็ไม่มีกลิ่นอาหาร มีแต่กลิ่นขี้
อยากทำใจให้ไม่นึกถึงก็ทำได้ยาก
คงเพราะเราเกลียดขี้แบบฝังลึก
เราจะต้องรับมือกับขี้ให้ได้
ต้องผ่านพ้นไปแล้วกินอะไรให้อร่อย
แต่พอคิดถึงยายที่เอาแต่ทุกข์
พร่ำบ่นแต่ว่าเจ็บปวดทรมาน
แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหน ไม่รู้ว่าเกิดอะไร
มันยากที่จะทำความเข้าใจและยอมรับ
เพราะเราไม่ยอมรับสิ่งที่ไม่ชอบ
เราอยากที่จะโทษสิ่งอื่น เลยไปโทษขี้
แต่ที่เราผลักไสขี้ คงเพราะกลัวขี้นั่นแหละ
อาจจะกลัวสกปรก กลัวเหม็น กลัวกินไม่อร่อย
มันก็เป็นความเห็นแก่ตัวของเราที่มีต่อสิ่งอื่น
เราจำเป็นจะต้องรับมือกับความกลัว
ต้องเปลี่ยนสิ่งที่ไม่ชอบให้กลายเป็นปกติสุข
ไม่ใช่แค่จดจ่อกับคำชม แต่ต้องยอมดมขี้
คำด่าที่เข้ามานี้ย่อมเป็นสิ่งที่มีประโยชน์
Posted via Blogaway