มีสถานการณ์ที่เกลียด พยายามที่จะหลบหลีก
พยายามที่จะขัดขืนต่อความเป็นจริง
สถานการณ์ที่ไม่อยากพูดถึง ไม่อยากนึกถึง
ถ้าไม่เกิดขึ้นในตอนนี้ ก็อาจจะเลี่ยงพูดถึง
เป็นสถานการณ์ที่ไม่อยากพูดถึงจริงๆ
จัดลำดับไว้ท้ายสุดที่จะพูดถึงก็ว่าได้
ซึ่งทำให้ตระหนักว่าเป็นปัญหาร้ายแรงจริงๆ
การแสดงอารมณ์โกรธ หงุดหงิด เจ็บปวด
เป็นเรื่องที่เราเลี่ยงทำ ไม่ว่าในสังคมไหน
เพราะเรียนรู้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่คนในสังคมคาดหวัง
การแสดงความต้องการของตัวเองเลยต้องระงับ
จนต้องใช้ยาระงับประสาทใส่เข้าปากไปเยอะๆ
จะได้ไม่ต้องแสดงอารมณ์ที่ไม่เป็นที่ต้องการ
แต่ก็ระงับจนไร้อารมณ์ไม่ต่างจากก้อนหิน
ก้อนหินแลดูจะเป็นประโยชน์กว่าคนไร้อารมณ์
แม้แต่ผู้นำยังต้องแสดงอารมณ์รุนแรงออกมา
เพื่อกำราบคนที่ไม่รู้จักการใช้เหตุผล
การแสดงอารมณ์ไม่ใช่เรื่องผิดสักหน่อย
เรามักจะพอกค่านิยมความเชื่อผิดๆ ใส่ตัว
แล้วก็ขดตัวกลายเป็นกุ้งในเปลือกเหม็นๆ
การเขียนช่วยให้สบายใจขึ้นได้ในทันที
ช่วยระงับอารมณ์ไม่ให้ไปทำร้ายใคร
ได้ผลพอๆ กับใช้ยาระงับประสาท
แต่ก็เป็นการรักษาในระดับตื้น แค่เฉพาะหน้า
ไม่ได้ช่วยขจัดปัญหาในระดับลึกให้หมดสิ้นไป
สุดท้ายมันก็ต้องกลับมาบ้าอีกอยู่ดี
อาจจะไม่ถึงกับบ้า เพราะยังพอมีสติ
แต่มันก็สั่นคลอนคล้ายกับจะบ้าไปจริงๆ
เกิดหลังจากที่เราไม่ยอมที่จะร้องไห้
กลัวที่จะจมอยู่กับความเศร้าซึม
เลิกที่จะพิจารณาสาเหตุที่ทำให้เจ็บปวด
เพราะยิ่งพยายามแก้ ก็ยิ่งรื้อฟื้นความเจ็บปวด
เป็นงั้นไปได้ไง แค่ไม่อยากตาปูดอย่างเห็นได้ชัด
มันก็เริ่มก่อตัวเป็นอัตตาว่าข้าจะเจ็บไม่ได้นะ
จากนั้นก็ต้องโทษใครสักคนทึ่ไม่ใช่ตัวเอง
เอาความรู้สึกไปลงที่คนอื่นแทนตัวเอง
ใครล่ะที่เราจะโทษได้ นอกจากคนที่ใกล้ชิด
ใกล้ชิดทางความรู้สึกและความเจ็บปวด
วันแต่ละวันผ่านไปด้วยการใส่ร้ายให้กับคนนั้น
ยิ่งมีคนนั้นกระทำอะไรก็เห็นเป็นการทำชั่ว
ทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง ว่างั้นแหละ
และก็ยังโทษว่าเป็นความผิดของคนๆ นั้น
จนตระหนักว่าความผิดทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่คนนั้น
ตัวเรานั้นดีกว่าและทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
การเผชิญปัญหาที่เป็นอยู่เป็นเพราะคนๆ นั้น
พอคนๆ นั้นกระทำไม่ดีกับเรา แค่นิดหน่อย
ก็สะทกสะท้านอย่างรุนแรง
ในหัวมีแต่ภาพเราเขย่าหัวคนๆ นั้น
บางทีก็กระโดดเตะก้านคอ เอาหมอนอุดฯ
คิดแต่ภาพรุนแรง ทั้งที่ถูกขัดคอเล็กน้อย
หงุดหงิดมากจนอยากจะฆ่าใครสักคน
ในหัวคิดแค่อยากกำจัดออกไป
วิธีที่จัดการแบบเฉพาะหน้าคือ
หยุดตัวเองเอาไว้ จากการพยายามฆ่า
เรียกว่า การลงโทษตัวเองที่คิดไม่ดี
ใช้เชือกรัดคอไว้ให้เจ็บแต่ไม่ถึงกับตาย
ได้ระบายความเจ็บกับตัวเองก็สงบขึ้น
แต่ถ้าไม่มีโอกาสใช้การลงโทษด้วยเชือก
ก็ต้องลงโทษด้วยวิธีที่แนบเนียนกว่านั้น
การกินยาเกินขนาดโดยเฉพาะประเภทง่วง
เข้าสู่โหมดจะหลับ การหายใจช้า ความคิดช้าลง
เริ่มผ่อนคลาย เลิกคิดเรื่องการพยายามฆ่าใคร
ตื่นขึ้นมาเหมือนโผล่ขึ้นมาจากกล่องอีกใบ
แต่ก็หลีกหนีจากความผิดไปไม่ได้
ตราบใดที่เรายังทำเป็นไม่รู้สึกทุกข์ร้อน
ตราบใดที่ยังทำตัวเลียนแบบก้อนหิน
ทำให้เราตระหนักว่า
น้ำตาช่วยชะล้างตัวตนของคนอวดเก่งอวดดี
ทำให้ดูน่าสงสารหรือสมเพชก็จริง
แต่เพื่อไม่ให้ทระนงตนจนทำร้ายคนอื่น
การร้องไห้ย่อมดีกว่าการทำร้ายผู้อื่น
เราควรจะรู้สึกผิดมากกว่าที่จะใส่ร้ายคนอื่น
แบบนั้นหรือเปล่านะ
รู้สึกผิดแต่เชื่อมั่นว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เรายึดกับคำว่าถูกผิดมากเกินไป
หรือความรู้สึกผิดไม่เป็นผลดีต่อการทำถูกต้อง
เพราะตั้งเข็มทิศผิด ก็มักจะไปผิดทางได้ง่าย
สิ่งที่เราขาดไปคือ สำนึกต่อสิ่งดีงาม
ความรู้สึกขอบคุณ หรือการสำนึกในบุญคุณ
เพราะรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยเปรียบเทียบกับคนที่ได้รับสิ่งที่ดีมากกว่า
ต้องการที่จะเอาดีเข้าตัวให้มากไว้
แม้จะไม่รู้จักอะไรดี อะไรไม่ดี อย่างแท้จริง
เป็นคนโง่จริงนั้นแหละ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
แต่จำเป็นจะต้องเรียนรู้ ถึงอย่างนั้น
อาจกลายเป็นเรียนรู้ที่จะทำชั่วได้
เมื่อออกเดินไปอย่างสะเปะสะปะไร้การควบคุม
สร้างแท่นสำนึกดีไว้สักแห่ง เพื่อที่จะไปถึง
หรือมุ่งไปหาแล้วสบายใจได้ ก็คงดี