การให้อภัย
เป็นคำง่ายๆ ใช้ภาษาไม่สลับซับซ้อน
แต่ให้ความรู้สึกที่มากล้นเกินบรรยาย
ให้อภัยตัวเองจากการทำผิดพลาด
กลับไม่ง่ายเหมือนดังถ้อยคำ
ให้อภัยคนอื่นที่ทำร้ายเรา
ยิ่งยากไม่ต่างกันไป
มีเหตุผลอะไรที่เราจะต้องให้อภัย
การให้อภัยส่งผลอะไร ต่ออะไร?
การให้อภัยเป็นเรื่องทางจิตใจ
เป็นการปฏิบัติตามแนวทางของศาสนา
ศาสนาต่างๆ ล้วนยอมรับการให้อภัย
ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสม
คริสตศาสนามีนิทานสอนเรื่องการให้อภัย
เรื่องราวเกี่ยวกับลูกชายเกเรที่หนีออกจากบ้าน
แต่สุดท้ายพอลูกกลับมา พ่อก็ให้อภัยแก่ลูก
ลูกที่ได้รับการอภัยก็ประพฤติตัวดีขึ้น
และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของศาสนา
พุทธศาสนาก็มีเรื่องขององคุลีมาล
ฆาตกรชายในสมัยพุทธกาลที่หลงผิด
เชื่อว่าจะได้ค้นพบสัจธรรมจากการฆ่าคน
สุดท้ายก็ได้พบกับพระพุทธเจ้า
ได้เห็นแสงสว่างทางปัญญาอันน่าเลื่อมใส
ก็กลับกลายเป็นผู้ทรงศีลได้ในทันที
ค้นพบสัจธรรมที่แท้จริงผ่านการละเว้นกรรมชั่ว
และได้กลายมาเป็นเรื่องราวอันเป็นแนวทาง
ให้กับพุทธศาสนิกชนสืบต่อไป
การให้อภัยช่วยยกระดับจิตใจของผู้คน
แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องดูถูกคนที่ไม่ให้อภัย
การให้อภัยนั้นยากที่จะทำได้ในทันที
ชีวิตจริงนั้นแตกต่างจากเรื่องเล่าหรือนิทาน
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ
รูปแบบความสัมพันธ์ของมนุษย์
ล้วนมีการจำลองอยู่ในเรื่องแต่งทั้งหลาย
การดำรงอยู่ของมนุษย์ก็มักจะขึ้นอยู่กับ
รูปแบบเหล่านั้น
หรือแม้แต่สัตว์ที่ใช้ภาษาต่างออกไป
รูปแบบการดำรงชีวิตและความสัมพันธ์มีทั้ง
ต่างมากและแทบจะคล้ายคลึงกัน
การให้อภัยเป็นแนวทางหนึ่งในรูปแบบความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่มนุษย์เท่านั้นที่ควรได้รับการอภัย แม้แต่สัตว์ แม้แต่ผืนดิน สายน้ำ โลก จักรวาล ก็สมควรได้รับการอภัย
ได้รับการอภัยจากการเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง เป็นสาเหตุที่นำภัยพิบัติ หายนะและความเจ็บปวดต่างๆ นานามาสู่เราได้
ในชีวิตนี้ เราอาจพบได้ทั้งสิ่งที่อภัยให้ได้กับสิ่งที่ไม่สามารถอภัยให้ได้ การไม่ให้อภัยล้วนมาจากการยึดติด..
ทำไมเราจะต้องทำดีให้กับคนที่เอาแต่โทษว่าความผิดทุกอย่างเป็นความผิดของเราด้วยล่ะ เรามีชีวิตอยู่เพื่อที่จะรองรับการป้ายความผิดทั้งหมดหรือยังไง
เราจำเป็นจะต้องมีชีวิตอยู่กับกลุ่มคนที่เห็นเราเป็นผู้ต้องหาด้วยหรือไง
ไม่ว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร เราก็ผิดอยู่ดี
มีแต่เราที่ยอมรับความผิด ก็เลยยกความผิดมาให้เราหรือไง
เราไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ ในความผิดเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในทุกวัน วันละเรื่อง สองเรื่อง หรือมากกว่านั้น
เช่นเดียวกับผู้คน หรือสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนการไม่ให้อภัยตัวเองของเรา ก็ไม่ได้รับการอภัย
นี่คือตัวอย่างจากชีวิตของเรา ในตอนนี้
ในตอนที่ยึดติดกับความเจ็บปวด ความเป็นตัวเป็นตน จนไม่ยอมให้อภัย ไม่ยอมให้การอภัยได้เกิดขึ้น
เพราะการให้อภัยทลายการยึดมั่น ที่เราสำคัญไปว่า จำเป็นต่อการดำรงอยู่
และเราได้ยึดติดกับการต้องการได้รับความเป็นธรรม ที่ถูกทำให้ได้รับความเจ็บปวด ที่เป็นทุกข์
ทั้งที่ความเป็นธรรมสามารถเกิดขึ้นได้ภายในตนเอง เมื่อให้อภัย
ถ้าพิจารณาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ก็เป็นสิ่งที่เกิดภายในตนเอง ซึ่งเราสามารถกำหนดหรือควบคุมได้ เมื่อเห็นต้นเหตุของความเจ็บปวดนั้น
จากการที่เราได้ศึกษาแนวทางปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนา จากตำราเรียน หนังสือธรรมะ ครูบาอาจารย์ และพระสงฆ์ผู้เผยแผ่คำสอน เรื่องการให้อภัย อาจจะไม่ใช่แนวคิดสำคัญที่เด่นชัด โดยมากเน้นการดับทุกข์ การแก้ปัญหาชีวิต และการพัฒนายกระดับจิตใจ
การให้อภัยไม่ใช่เรื่องที่สอนกันได้ผ่าาถ้อยคำไม่กี่คำ เราเรียนรู้มาแบบนั้น และจากประสบการณ์ก็พบความยากลำบากในการให้อภัย
อนึ่ง การให้อภัยไม่ได้เกิดจากการคิดใคร่ครวญ ลำพังเพียงแค่การคิดและใช้เหตุผล อาจไม่เพียงพอ แต่เมื่อพิจารณาถึงบางสถานการณ์ที่มีการให้อภัยแล้ว มีความเป็นไปได้ว่า การให้อภัยไม่ได้ทำงานแบบเดียวกับการคิดเชิงตรรกะ แต่ใกล้เคียงกับแนวคิดเรื่องความรักในคริสตศาสนา และความเมตตาในพุทธศาสนา
ใช้ความคิดอาจจะยากเกินกว่าจะให้อภัยได้ จึงต้องเปิดโอกาสให้ความรู้สึกที่ดีได้เกิดขึ้น เมื่อเรารู้สึกดี การให้อภัยก็ทำได้ไม่ยากเลย