เราจะเขียนถึงอดีต เพื่อให้ตัวเองในอนาคตอ่าน
อ่านแล้วจะขำ หรือสลด หรืออะไรก็ตาม
ถึงอย่างนั้นก็กังวลว่า จะกลายเป็นสิ่งไม่ดี
เช่น อ่านแล้วยึดติดกับตัวตนที่ไม่ดีเพื่อสานต่อ
ไม่ว่าจะยังไง เผลอๆ ก็อาจจะถูกทิ้งร้างไว้จนลืม
ไม่ว่าจะแบบไหน ถ้าได้ใช้ชีวิตที่ดีบ้าง คงจะดี
เพราะในช่วงระยะเวลาที่กำลังเขียนอยู่นี้
ยึดติดกับความล้มเหลวและตัวตนที่เลวทราม
คล้ายกำลังสร้างโลกมืดมนห่างไกลความเจริญ
ทั้งทางกาย วาจา ใจ และอะไรก็ตามที่ดี
ยกตัวอย่างเช่น ดำเนินตามแผนอัตวินิบาตกรรม
ที่เคยคิดไว้ หรือเรียนรู้มาแต่ก่อน
แต่ก็ทำแบบครึ่งๆ กลางๆ ไม่จริงจังสักอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นชีวิตในด้านไหนๆ ก็คงแบบนั้น
แต่น่าจะเรียกว่า มี 'ข้ออ้างที่จะขี้เกียจ' สูง
เชื่อว่าในรายที่มีสิ่งนี้ต่ำ มักจะขยันขันแข็ง
ความขี้เกียจนั้นเป็นสิ่งชั่วร้ายอย่างคลุมเครือ
มองเผินๆ ดูจะน่าสมเพช ไม่น่ามีพิษสงร้ายแรง
แต่พิษของความพยายามที่จะขี้เกียจ
คือทำทุกวิถีทางที่จะไม่ต้องทำงานหรือวุ่นงาน
ในระดับร้ายแรง คือเบียดคนอื่นให้ทำแทนตน
หลอกใช้ หลอกลวง ทั้งตัวเองและคนอื่น
อู้งานแบบไร้สำนึกต่อความรับผิดชอบที่พึงมี
ทั้งที่การทำงานเป็นการลดอัตตาเพื่อส่วนรวม
เมื่อไม่สามารถลดได้ ก็ทำงานแบบขอไปที
อันนี้เข้าใจเลย เพราะวันๆ ก็คิดถึงแต่ตัวเอง
คิดถึงแต่ปัญหาของตัวเองมากกว่าส่วนรวม
เข้าข่ายวิตกเกินเหตุ กลัวความผิดแบบสุดชีวิต
พยายามทำงานไม่ให้พลาด แต่ก็ยิ่งพลาด
ละเลยการสร้างความรู้สึกที่ดีต่องานการที่ทำ
เอาตัวเปรียบเทียบคนอื่นจนหงุดหงิดตาร้อน
ถ้าจะให้พูดถึงปัญหาต่างๆ นานาร้อยแปด
พูดสักสิบชาติก็ไม่หมด ตาดึงดูดปัญหาชัดๆ
ขนาดทำงานในที่แคบ สังคมเล็กมากนะ
หรือเพราะเล็กมากจนเห็นได้ชัด
ข้อสำคัญอย่างหลักคือ เราปิด หรือเปล่านะ
น่าจะใช่ เพราะเราไม่เปิดทางให้ปัญหาออกไป
เราดื้อด้านที่จะไม่พูดถึงปัญหาที่ตัวเองรับรู้
แต่ก็อาจเป็นแค่เรื่องยิบย่อยไม่สำคัญมากนัก
ถ้าพยายามที่จะเคลียร์หรือสะสางได้ดีกว่านี้
ก็คงไม่ต้องจมกับปัญหาที่ไม่น่ามาถมทับตัวได้
เพราะลดละมานะทิฏฐิไม่ได้แน่ๆ เลย
รู้สึกว่า ตัวเองปิดกั้นมากแบบไม่รู้ตัวด้วย
อาจเป็นเพราะจัดการปัญหาด้วยตัวเองมาตลอด
ไม่รู้วิธีที่จะบอกหรือแบ่งปันปัญหาให้กับผู้อื่น
เหมือนในตอนนี้ เราจะมองว่า การงานไม่ดี
เพราะทำให้พอกพูนปัญหามากยิ่งขึ้น
เป็นภาระรับผิดชอบที่มากเกินกว่าจะทำได้
ก็เลยไม่พร้อมที่จะทำงานใดใด แม้คนอื่นว่าง่าย
แต่เราก็มองให้เป็นยากได้อยู่ร่ำไป
เพราะมองงานเป็นของยาก เลยไม่อยากทำ
หาเรื่องที่จะหลีกเลี่ยงอย่างคนขี้เกียจ
ขี้เกียจที่จะทำ แต่ขยันที่จะกังวลตึงเครียด
การลงมือทำที่น่าจะง่าย กลับกลายเป็นยาก
ไอ้การคิดซับซ้อนที่น่าจะทำได้ยากกลับง่าย
ทั้งที่ชั่งด้วยเหตุผลแล้วก็ไม่สมควรที่จะทำ
รู้ว่าโง่ที่ทำสิ่งไม่ควรทำ ละสิ่งไม่ควรละ
แต่ก็ยังไม่เลิกหา 'ข้ออ้างที่จะโง่' ซ้ำเติมตัวเอง
แทนที่จะเขียนเพื่อให้รู้สึกดีมากขึ้น
กลับนำความระหองระแหงมาสู่ตัวตนภายใน
แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องยึดติดกับตัวตนมากเกินไป
เราค่อนข้างสนใจแนวคิดพุทธเกี่ยวกับอัตตา
แม้ว่าจะปฏิบัติยาก แต่ก็น่าสนใจที่จะทำตาม
ค่อนข้างแย่ที่ทำอะไรตามใจตัวเองเกินไปแบบนี้
หวังว่าจะเกิดผลดี ถ้าตามใจในทางที่ดีได้
รับรู้ถึงปัญหาได้มาก ใช่ว่าจะจัดการได้ดี
ตรงข้าม ยิ่งรู้น้อย อาจเพ่งไปตรงจุดทันที
ตราบใดที่มีความพยายามจะจัดการแก้ไขปัญหา
ถึงได้ว่า เจตนาเป็นสำคัญ ก่อนจะทำอะไร
คิดก่อนทำ ดี แต่กังวลก่อน อาจทำได้ไม่ดีนัก
ความกังวลเป็นผลดี ก็ต่อเมื่ออยู่ในภาวะสงบ
กังวลเพื่อหาหลักประกันความปลอดภัยต่อไป