เมื่อเราติดอยู่ในวังวนที่แสนระทมทุกข์
หนึ่งในวิธีที่จะฝ่าฝันออกไปได้คือ
ทำในสิ่งที่แตกต่าง หรือเริ่มต้นอะไรสักอย่าง
การเจ็บป่วยจากกิจวัตรประจำวันแห่งทุกข์
ต้องก้าวข้ามไปดัวยสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
อาจเป็นสุข หรือทุกข์ที่มากยิ่งขึ้น
นี่คือการพยายามที่จะเพ้อเจ้อและหลุดลอยไป
แค่เห็นตัวหนังสือก็รู้สึกสบายใจ
ไม่ต้องอ่านทำความเข้าใจอะไรทั้งนั้น
มองผ่านๆ ก็รู้สึกเพลิดเพลินดี
จนอยากจะหลุดหายเข้าไปในนั้น
ในโลกของตัวหนังสือ และกลมกลืนไปกับมัน
เข้าใจว่านี่คือการยึดครองในแง่หนึ่ง
ตัวหนังสือเหล่านี้เป็นของของฉัน
มันคงรู้สึกเหมือนมีพื้นที่ส่วนตัว
ถ้าเราสามารถแผ่ขยายพื้นที่ออกไปได้
คงรู้สึกฟูฟ่องผองโตเป็นหมาเชาเชาเลย
เป็นหมาก็อาจจะดีกว่าก็ได้นะ
หมาไม่ต้องคิดมาก ใช้ความรู้สึกนำ
มีสัญชาตญาณในการปกป้องเผ่าพันธุ์เชื้อสาย
แต่คงต้องขึ้นอยู่กับผู้นำเป็นสำคัญ
หมาอยู่กันเป็นฝูง และมีผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่
คอยฟังและทำตามคำสั่งผู้นำเผ่าหมา
ถ้าดื้อก็จะถูกกัดจนเนื้อหนังฉีกทะลุหรือหูหลุดไป
ฟังดูน่าสยดสยองดีสินะ เหมือนหนังผจญภัย
ณ ตอนนี้ จำต้นกำเนิดของการเขียนโพสต์นี้ไม่ได้ล่ะ
อาจจะไหลลงธารน้ำ ลอยไปพร้อมกับกองมูลสัตว์ก็เป็นได้
จมลงไป จมลงไป จมลงไปให้ลึก
ฝังลงดินหรือ เอาไปลอยทะเล พร้อมเถ้ากระดูก
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นทุกข์และตัวเรา เอาไปทิ้งซะ
อีกใจหนึ่งก็อยากยึดอยู่กับที่เดิม แม้เจ็บปวด
ถึงจะมีพันธะรัดแน่นก็ยังลังเลที่จะสลัดออก
เฝ้ามองดูแมวที่นอนเหยียดยาวสบาย
กับแมวที่ถูกกัดหูเป็นน้ำนองน้ำตาคลออยู่เสมอ
เราไม่สามารถนำแมวไปสู่ความช่ำเย็นได้
ได้แต่เฝ้ามองมันร้องไห้ร้อนรนอยู่ในกรงขัง
ภาวนาให้มันตายอยู่ทุกวันจะได้ไปเป็นสุข
ทุกวันที่เหมือนอยู่ในกรงขังร่วมกับแมว
แชร์ความเจ็บปวดซึ่งกันและกัน
ถ้าสามารถทำให้หลุดพ้นจากกรงทุกข์ได้
เพื่อแมวเหล่านั้น เพื่ออิสรภาพ เพื่อความช่ำเย็น
พวกเราจะหลอมรวมกันเป็นกองทุกข์ใหญ่
และเจ็บปวดจนกว่าจะตายไปด้วยกันตลอด