Sunday, November 27, 2016

กรงขังแมว

เมื่อเราติดอยู่ในวังวนที่แสนระทมทุกข์
หนึ่งในวิธีที่จะฝ่าฝันออกไปได้คือ
ทำในสิ่งที่แตกต่าง หรือเริ่มต้นอะไรสักอย่าง

การเจ็บป่วย​จากกิจวัตรประจำวันแห่งทุกข์
ต้องก้าวข้ามไปดัวยสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น
อาจเป็นสุข หรือทุกข์ที่มากยิ่งขึ้น

นี่คือการพยายามที่จะเพ้อเจ้อและหลุดลอยไป
แค่เห็นตัวหนังสือก็รู้สึกสบายใจ
ไม่ต้องอ่านทำความเข้าใจอะไรทั้งนั้น
มองผ่านๆ ก็รู้สึกเพลิดเพลินดี
จนอยากจะหลุดหายเข้าไปในนั้น
ในโลกของตัวหนังสือ และกลมกลืนไปกับมัน

เข้าใจว่านี่คือการยึดครองในแง่หนึ่ง
ตัวหนังสือ​เหล่านี้​เป็น​ของของฉัน
มันคงรู้สึกเหมือนมีพื้นที่ส่วนตัว
ถ้าเราสามารถแผ่ขยายพื้นที่ออกไปได้
คงรู้สึกฟูฟ่องผองโตเป็นหมาเชาเชาเลย

เป็น​หมาก็อาจจะดีกว่าก็ได้นะ
หมาไม่ต้องคิดมาก ใช้​ความรู้สึก​นำ
มีสัญชาตญาณในการปกป้องเผ่าพันธุ์เชื้อสาย
แต่คงต้องขึ้นอยู่กับผู้นำเป็นสำคัญ
หมาอยู่กันเป็นฝูง และมีผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่
คอย​ฟังและทำตามคำสั่งผู้นำเผ่าหมา
ถ้าดื้อก็จะถูกกัดจนเนื้อหนังฉีกทะลุหรือหูหลุดไป
ฟังดูน่าสยดสยองดีสินะ เหมือนหนังผจญภัย

ณ ตอนนี้​ จำต้นกำเนิดของการเขียนโพสต์นี้ไม่ได้ล่ะ
อาจจะไหลลงธารน้ำ ลอยไปพร้อมกับกองมูลสัตว์ก็เป็นได้

จมลงไป จมลงไป จมลงไปให้ลึก
ฝังลงดินหรือ เอาไปลอยทะเล พร้อมเถ้า​กระดูก
ทุกสิ่งทุกอย่าง​ที่เป็นทุกข์และตัวเรา เอาไปทิ้งซะ

อีก​ใจหนึ่งก็อยากยึดอยู่กับที่เดิม แม้เจ็บปวด
ถึงจะมีพันธะรัดแน่นก็ยังลังเลที่จะสลัดออก
เฝ้ามองดูแมวที่นอนเหยียดยาวสบาย
กับแมวที่ถูกกัดหูเป็นน้ำนองน้ำตาคลออยู่เสมอ
เราไม่สามารถนำแมวไปสู่ความช่ำเย็นได้
ได้​แต่เฝ้ามองมันร้องไห้ร้อนรนอยู่ในกรงขัง
ภาวนาให้มันตายอยู่ทุกวันจะได้ไปเป็นสุข
ทุกวันที่เหมือนอยู่ในกรงขังร่วมกับแมว
แชร์ความเจ็บปวดซึ่งกันและกัน
ถ้า​สามารถทำให้หลุดพ้นจากกรงทุกข์ได้
เพื่อแมวเหล่านั้น เพื่ออิสรภาพ เพื่อความช่ำเย็น
พวกเราจะหลอมรวมกันเป็นกองทุกข์ใหญ่
และเจ็บปวดจนกว่าจะตายไปด้วยกันตลอด