Tuesday, September 20, 2016

ปกติ

เราคิดว่าตัวเองแค่อาจจะพยายามทำตัวไม่ปกติ
เพราะเราค่อนข้างอิจฉาคนปกติ
พอคิดว่ามีชีวิตสงบสุขแบบคนปกติไม่ได้
ก็เลยหันมาหาวิธีใช้ชีวิตไม่ปกติไปเลย
เหมือนกับเลือกที่จะไปคนละทางกับคนปกติ
บ่อยครั้งที่เราต่อต้านและปฏิเสธผู้คนแบบเงียบๆ
แม้อาจเป็นเพียงความไม่พอใจเพียงเล็กน้อย
แต่เราก็ยังลังเลและทบทวนตัวเองอยู่ตลอด
นั่นกลับทำให้ยิ่งสับสน ลังเล เลือกทางไม่ได้
เราสับสนระหว่างสองสิ่งที่เป็นคู่ตรงข้าม
อาจจะหาความพอดี ความลงตัวไม่ได้
หรือความพยายามนั้นไม่จำเป็น
หรือมันยากเกินไปหรือไม่เหมาะกับตัวเรา
มันคงแบบนั้นล่ะ
เราไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำในสิ่งที่เกินตัว
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ปกติเราก็เป็นแบบนี้
เราไม่ถนัดเรื่องที่คนทั่วไปถนัด
แต่ถนัดในสิ่งที่คนทั่วไปไม่ถนัด
หรือว่าความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษคือ
การเป็นบ้า..!?
พอได้เรียนเกี่ยวกับวิธีคิดแบบต่างๆ
เลยเป็นบ้ายิ่งขึ้น
บ้าคิด คิดบ้า บ้าๆ คิดๆ หรือก็ไม่เลย
มันมีวิธีคิดมากมายและเราก็สนใจพวกนั้น
แต่ก็เป็นความสนใจกึ่งเล่นแบบบ้าๆ บอๆ
มัน​ค่อนข้าง​ยากเกินไปที่จะจดจ่ออะไรนานๆ
หมายถึง​เราจดจ่อมากๆ ได้ในระยะสั้นกว่า
ที่อยากจะทำ หรือคาดว่าจะทำ
เราชอบตั้งเป้าหรือสร้างความคาดหวัง
เราเลยเป็นคนผิดหวังได้ง่าย ท้อแท้ง่าย
แต่โดยมากเป็นเป้าหมายสั้นๆ
โดยมากก็แพลนวันต่อวัน ไม่ค่อยคิดไกล
มัน​สนุก​กับการวางแผนแบบ กระชั้นชิด​
พอเป็นงานชิ้นใหญ่ จำเป็น​จะต้องซอยให้เล็ก
แต่นั่นก็เป็นแค่ทฤษฎี ที่ในเชิงปฏิบัติเราทำไม่ได้
การเตรียมตัวกับภาระที่เกิดมันไม่เท่ากัน
เรา​เตรียมตัว​ไม่ดี​ มีปัญหา​สุขภาพ​และกังวลเกิน
เรารู้ตัวดีว่ามันเป็นความผิดของตัวเอง
แต่​เพราะความเจ็บและความกลัวมีมากเกินไป
ก็เลยไม่ปฏิเสธ ไม่พยายามอธิบายความจริง
มันยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เมื่อคนอื่นเข้าใจผิด
และเรากังวลเกี่ยวกับการอธิบายความจริงมาก
เกินไป​

ไม่อยากให้โทษว่าเป็นความผิดของใครเลย
แม้แต่ตัวเอง
การคิดหาตัวคนผิดมีแต่จะทำให้เจ็บปวด​
และไม่ช่วยแก้ปัญหาอะไร
นอกจาก​ความสบายใจ​ของตัวเอง
แต่ก็เป็นความสบายใจเพียงชั่วครู่

ผลเกิดขึ้นเพราะมีเหตุ
และเมื่อมีเหตุเกิดก็มีผล
กฏของความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยง
ความเป็นเหตุเป็นผล​ใกล้เคียง​กับชะตากรรม
แต่เป็นชะตาที่เอาตัวเองเข้าไปตัดสินหรือมีส่วน
โดยธรรมชาติ​แล้ว​
เราต้องการเป็นส่วนหนึ่งของอะไรๆ
ถ้าให้เชื่อว่าตัวเองไม่ส่วนต่อความผิด
แบบนั้นคงผิดธรรมชาติ
และการเป็นเพียงส่วนหนึ่ง
ไม่ได้หมายถึงเป็นทั้งหมด ไม่ได้​เป็นทุกส่วน
ดังนั้นจึงมีสิ่งอื่นอีกเป็นเป็นสาเหตุ
นอกเหนือ​ไปจากตัวเรา

ความเชื่อทำนองนี้มีมานานแล้ว
และเราเป็นแค่คนหนึ่งที่เลือกเชื่อเช่นนั้น
การหายใจมีมานานแล้ว
และเราเป็นคนหนึ่งที่เลือกหายใจ
หรือยอมให้การหายใจเกิดขึ้นได้

ประมาณ​นั้น

เราไม่เชื่อตัวเองในเรื่องการพูด
เราเลยเขียน/พิมพ์​เยอะเกินกว่าที่ควรจะเป็น

นี่​เป็น​ทางเลือกของเรา
และชะตากรรมของเรา
หรืออาจจะไม่เป็นก็ได้

.!?¿.