เราคิดว่าความกลัวส่งผลต่อการรับรู้เรื่องเวลา
อาจจะเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน
แต่ยายมักจะบอกว่ารอนานมากๆ
ทั้งที่เพิ่งแค่ไม่กี่นาที บอกว่าเหมือนเป็นชั่วโมง
คาดว่าความกลัวหรืออะไรบางอย่างไปกระตุ้น
ทำให้เกิดความคิดมาก ใจร้อน ไม่เป็นสุข
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็เป็นปัญหาพอตัว
เพราะเราช่วยให้คนอื่นพ้นจากความกลัวไม่ได้
มันอาจจะเพราะไม่ชินละมั้ง
ที่จริง เราปรับตัวเข้ากับยายไม่ได้ละมั้ง
ถ้าเป็นสัตว์ หรือเด็ก ก็พอไหวอยู่
เราไม่ถนัดเรื่องแบบนี้เลยละมั้ง
จะให้ทำความเข้าใจกับอะไรที่ไม่ใช่เด็กหรือสัตว์
เราค่อนข้างนึกถึงแต่ตัวเอง
เข้าใจอารมณ์เอาแต่ใจของเด็ก
แต่ไม่เข้าใจอารมณ์เห็นใจแบบผู้ใหญ่
อาจจะไม่ใช่เห็นใจ อาจจะสงสาร หรืออื่นๆ
ที่เราไม่ค่อยเข้าใจนั่นแหละ
เราสังเกตอาการของยายก็รู้ว่าไม่ชอบ
ไม่ชอบวิธีปฏิบัติตัวของเรา
เพราะเราคงเป็นสิ่งที่ขัดใจเค้า
พอคิดแบบนี้ มันก็ยิ่งแย่สินะ
และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดแทนคนอื่น
เราไม่ชอบการคิดแทนคนอื่น
มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง 100%
เราต้องฟังคนอื่นพูด
ก็เลยดูเหมือนคนโง่ที่คิดเองไม่ได้
ถึงจะเผื่อใจต่อความเจ็บปวดไว้บ้าง
แต่มันก็อาจจะมาในขณะที่เราเผลอ
มองในแง่ดีไว้หน่อย
ปัญหาความสัมพันธ์มีไว้ให้ผูกพันธ์ยิ่งขึ้น
เราที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้
ก็เลยดูเหมือนตัวตลกทุกทีที่อยู่ร่วมกับคนอื่น
บางทีก็อาจจะเป็อย่างอื่นได้บ้าง
มีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าเราพยายามพูดจริงเกินไป
เหมือนพยายามที่จะพูดให้จริงทุกคำ
มันก็คงจะเป็นอย่างนั้น
แทนที่จะคุยเรื่องสนุก
ก็คุยเรื่องแนวคิดบ้าๆ บอๆ ของตัวเอง
ก็คงจะเป็นคนที่น่าเบื่อจริงๆ ละนะ
พอเริ่มเครียดแล้วก็ชักจะปวดเมื่อยขึ้นมา
บางทีก็ปวดท้อง ปวดมือ ปวดหลัง ปวดคอ
มีอะไรบางอย่างไปกระตุ้นมันให้ปวดหรือไง
ยิ่งฝนตกแบบนี้ ไม่อยากออกแรงทำอะไร
หนักใจกับพื้นเปียกๆ แฉะๆ
ออกไปหลังบ้านที ต้องเหยียบโคลนเละๆ
เดินไปหาแมวก็ลำบาก กระโดดเชือกก็ไม่ได้
จามจนเป็นหวัด น้ำมูกไหลจะหมดตัว
เครียดไปก็ยิ่งเพิ่มอาการปวดท้องอีก
เขียนเปื่อยๆ ไปเรื่อยๆ นี่ อาการหนักไหม
ชักจะหนักเป็นปกติ
ยิ่งใส่น้ำมันหล่อลื่นความคิดที่เรียกว่าคาเฟอีน
เหมือนกับว่าสมองจะไม่ยอมให้เราได้หลับ
เขียนไปเรื่อย ก็หวังว่าจะเพลียจนหลับลง
หลายวันก่อนที่พื้นไม่เปียกฝน หลับได้ดี
เพราะได้ออกกำลังจนเพลีย ละมั้ง
แต่ที่จริง อาจเพราะวันนี้กินเยอะ
อยู่ๆ ก็มีของอร่อยมาเยอะ
แบบที่เป็นของเหลือจากยาย
แต่เหมือนยายจะเริ่มคิดมากเรื่องนี้
เลยบอกให้เรากินก่อนก็มี
แต่ถ้าทำแบบนั้นคงน่าเกลียดจริง
เลยกลายเป็นแบ่งแบบให้เราเยอะๆ
จนพุงจะแตก อาหารไม่ย่อยแทน
บวกกับที่มันอร่อย ก็เลยกินไม่ยั้ง
การกินอย่างมีสติทำอะไรเราไม่ได้55
ใช่เรื่องที่จะมาภูมิใจไหมเนี่ย
จะว่าไปพอเป็นซึมเศร้าก็เริ่มเห็นคุณค่า
ของการทำกิจวัตรประจำวัน กิน นอน ทำงาน
ก่อนหน้านี้ คงคิดถึงแต่การเล่นสนุกเท่านั้น
แค่เศร้าเพื่อให้ชีวิตสมดุลละมั้ง
อะไรที่มากเกินไปก็คงมีการปรับลงมาให้เท่า
เพราะงั้นถึงอยากอะไรพอดีๆ เวลามีสติ
เพราะสัญชาตญาณข้างใน ใช้มันมากเกินไป
แทนที่จะปรับตัวตามคน ดันไปปรับตามแมว
ชีวิตคนป่าสินะ อยู่กับธรรมชาติด้านมืด
ความตายละมั้ง ความกลัวละมั้ง
สิ่งที่มองว่าเป็นธรรมชาติด้านมืด
อยู่ชินจนไม่ชอบแสงสว่างเอาซะเลย
ตามันไม่ชิน ยิ่งมืด ยิ่งแคบ ยิ่งชอบ
เจอที่สว่าง กว้างๆ แล้วมันหวิวๆ
ทั้งที่คนปกติเค้าอยู่กันได้แท้ๆ
เรื่องเสียงอีก ไม่ชอบเสียงดังๆ เลย
คิดไม่ออกเลยว่าจะออกไปทำงานยังไง
จะอดทนกับสิ่งไม่ชอบ จะปรับตัวปรับใจยังไง
ข้อสำคัญคือ เหตุผลที่สนับสนุนการไปไม่พอ
ส่วนมากจะสนับสนุนการอยู่มากกว่า
และเราเป็นพวกใช้เวลาเตรียมตัวนานด้วย
ถ้าข้าวของสำคัญไม่พร้อมก็ออกไปไหนไม่ได้
ออกไปแบบตัวเบาก็จะถูกพัดหลุดลอยไปได้ง่าย
ถือโทรศัพท์ไว้แบบนี้จนมือชาเลย
เป็นอะไรบางอย่างที่แตกต่างจากการถือหนังสือ
โทรศัพท์คงจะมีพลังงานลึกลับซ่อนอยู่
ต้องเตรียมตัวนอนจริงจังล่ะ