ไม่รู้จะเขียนอะไรเลย ปวดหัวจุง เมื่อไหร่โรคชราจะหมดไปเนี่ย
หมอนนุ่มจัง นอนแล้วไม่อยากลุกขึ้นมาเลย นอนไปตลอดกาลลลล
เมื่อกี้แค่นั่งเอียงตัวมาทางซ้ายมาก รู้สึกชาขาชาตูดเลย เหอๆ
สงสัยเลือดจะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายนี่มันไม่ได้ดั่งใจเลย
น่าจะมีโปรแกรมควบคุมร่างกายแบบหมุนคอได้ 360 องศาเลย
หรือไม่ก็เวลาเจ็บมือ ก็ถอดออกมาเปลี่ยนได้ มีอะไหล่มือสำรอง
คิดไปคิดมา เริ่มจะพลิกโลกเข้าสู่ยุคไซบอร์กแล้วละมั้งเนี่ย
เวลาท้อแท้ เหมือนหมดอาลัยตายอยาก ก็น่าจะมีโปรแกรม..
จูนคลื่นสมองใหม่ แล้วก็ป้อนโปรแกรมฮึดสู้เข้ามาแทน
โอ้ย สมองร้อน สงสัยใช้งานหนักไป หัวร้อนหรอก จับสมองได้ไง
ข้อดีของการเข้าสังคมคือ ได้เห็นกระจกสะท้อนตัวเอง
บางทีผงเข้าตาตัวเองก็มองไม่เห็น ต้องมีกระจกคอยส่อง
ตอนแรกก็คิดว่า ตัวเองเป็นคนรักสันโดษ อยู่คนเดียวได้
แต่ก็เบื่อๆ ต้องหาอะไรมาเป็นสิ่งเพลิดเพลินอยู่ตลอดเวลา
หยุดฟังเพลงไม่ได้เลย ต้องมีเสียงขับกล่อมอยู่ตลอดเวลา
อ้าวแล้วพอปิดเพลง ปิดคอม ปิดทุกอย่าง (ปิดประตูบ้านด้วย)
ปิดเงียบแล้วมันไม่ใช่เลย มันรู้สึกโหวงเหวง เหมือนแก้ผ้า
อะเนอะ เพลงกลายเป็นเครื่องนุ่งห่มไปได้ :P
แต่เราจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัวมาก
ถ้าไม่มีแล้ว มันไม่ค่อยจะมีสมาธิ ทำงานการอะไรไม่ค่อยออก
เป็นคนฟุ้งซ่าน วอกแวก หลุดลอยไปได้ง่ายๆ (ไม่ใช่ปลิวนะ)
บางทีก็เพราะเราไม่ค่อยจะเห็นตัวเอง เหมือนเป็นอากาศธาตุ
ช่วยคนอื่นได้ แต่ก็ไม่ยอมให้คนอื่นช่วยตัวเอง//ไม่ติดเรทน้า
เอาแต่ขี้เกียจ ผัดวันประกันพรุ่ง ไม่ยอมทำอะไรจริงๆ จังๆสักที
ถ้าลิสต์นิสัยไม่ดีคงออกมายาวเหยียดเลย จนขี้เกียจเขียนเลย เหอๆ
แต่ถ้าจะปรับปรุง เหมือนจะต้องทำทีละอย่าง ค่อยๆ เปลี่ยนทีละนิด
นิสัยหมดอาลัยตายอยากนี้ ต้องแก้ยังไงนะ ที่จริงก็ยังไม่ค่อยเข้าใจดีพอ
ต้องศึกษาเพิ่มขึ้น แต่เท่าที่รู้มา คือเรียนรู้ว่าความสุขมันไม่มีอยู่อีกแล้ว
ก็เลยมีอารมณ์หรือความคิดแบบนั้นผุดขึ้นมา วิธีแก้ก็คงต้องศึกษามากขึ้น
ศึกษาหาแนวทางที่จะไม่ทำร้ายตัวเองแบบนั้น กลับตัวกลับใจ
เป็นโอกาสดีที่จะได้ศึกษาปรับปรุงแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น