เป็นอากาศที่เหมาะแก่การจำศีลมาก ต้องเรียนรู้จากคางคกสักหน่อย
แต่คนไม่ใช่คางคก พลังงานของคนเรามีเหลือเฟือและออกจะมากเกินไป
มากเกินกว่าที่จะทำการสร้างสรรค์เพียงอย่างเดียว
และบางครั้งคนเราก็ได้สร้างการทำลายไปพร้อมๆ กัน
เมื่อวานดูซี่รี่ย์เกาหลีและประทับใจกับประโยคหนึ่ง "คนเราจะเห็นในสิ่งที่เรารู้"
การเห็นกับการรู้เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกัน ไม่ใช่ว่าเห็นแล้วจึงรู้ แต่รู้อยู่แล้วจึงเห็น
พูดอีกอย่างก็คือ เห็นเท่าที่เรารู้ ลองนึกสภาพว่า มีศพคนตายอยู่เบื้องหน้า
มีคนสองคนพบศพ คนหนึ่งเป็นเด็กนักเรียนมัธยมฯ อีกคนเป็นแพทย์ชันสูตรฯ
นักเรียนอาจบรรยายความรู้สึกออกมาได้ดีกว่าแพทย์ แต่บรรยายสภาพศพได้ไม่ดีเท่า
บทบาทและสถานะทำให้มองออกมาได้ต่างมุม และรู้เห็นได้ต่างกันไป
การเขียนไดอารี่บล็อกนั้นเป็นทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีต่อผู้เขียน
ดีในแง่ที่เราได้ฝึกฝนการเขียนและทบทวนตัวเองอยู่เสมอ
แต่ไม่ดีในแง่ที่เป็นการสะสมอัตตา ทำให้เรายึดติดกับภาพลักษณ์แบบหนึ่ง
บางครั้งก็เติมความฟุ้งเฟ้อเขียนโอ้อวดเกินจริงตามอารมณ์ในขณะนั้น
บางครั้งก็เสียดสีตัวเองด้วยมุขตลกสะเทือนความภาคภูมิใจในตัวเอง
ถ้าเขียนแล้วยึดติดกับมันมากเกินไปก็ทำลายตัวเอง
พูดมากไปก็เปล่าประโยชน์ บางครั้งคำพูดก็ขึ้นอยู่คนพูด
ทำให้คนที่อยากพูดมากๆ พยายามสร้างภาพลักษณ์ให้กับตัวเอง
ภาพลักษณ์หนึ่งย่อมถูกใจคนกลุ่มหนึ่ง แต่อาจไม่ถูกใจคนอีกกลุ่มหนึ่ง
การฟังเลยกลายเป็นการฟังตามรสนิยมและเสริมเติมแต่งไปตามตัวเองคิด
ถ้าโลกนี้เป็นแค่สิ่งบันเทิง เราก็แค่สนุกไปกับมัน แล้วก็ตายเท่านั้นเอง
น่าเศร้าที่ความสนุกเป็นเพียงการกระตุ้นตัวเองด้วยความเจ็บปวดเท่านั้นเอง
ความรู้ที่ไม่อาจรู้ได้ยังเป็นความรู้อยู่หรือเปล่า
ความสุขที่ไม่อาจสุขได้ยังเป็นความสุขอยู่หรือเปล่า
ความรักที่ไม่อาจรักได้ยังเป็นความรักอยู่หรือเปล่า
คำถามที่ไม่อาจหาคำตอบได้ยังจำเป็นอยู่หรือเปล่า
เท่าที่รู้ คนดีที่ไม่อาจทำดีได้ ก็ไม่น่าเรียกได้ว่า เป็นคนดีจริงๆ
ครูที่ไม่อาจให้ความรู้ได้ ก็ไม่น่าเรียกได้ว่า เป็นครูจริงๆ
คนเราจะเป็นในสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่สิ่งที่ใครกำหนด...จริงหรือไม่?