ที่จริงว่าจะมาเขียนเร็วกว่านี้ แต่ดูหนังเกาหลีและเป็นหวัด
ฝนตกแล้วแย่มาก เป็นหวัดน้ำมูกเยิ้มเชียว ใช้ทิชชู่ไปสามม้วนล่ะ
ที่พูดไปไม่ได้กล่าวเกินจริงเลย ทิชชู่ออกจะม้วนเล็กไปหน่อยน่ะ
ทุกคนก็อาจจะรู้อยู่แล้วว่า เราเป็นพวกบ้าชอบใช้คำว่า ที่จริง
ซึ่งมันฟังดูเหมือนคำแก้ตัวมากกว่า..สินะ แต่ก็ยังติดอยู่ดี
มีอย่างหนึ่งที่เราไม่สบายใจเอามากๆ เลย คือการถูกเข้าใจผิด
เพราะอย่างนั้นก็ต้องรีบบอกความจริง ต้องพูดอธิบายไปทันที
อาจจะดูรีบร้อนไปหน่อย แต่ก็ไม่อยากให้เข้าใจแบบผิดๆ นี่หน่า
ย่อหน้านี้ ถือเป็นการซ้อมก็ละกัน อยากลองเขียนแบบชิวๆ
ด้วยความที่มันก็เป็นแค่บล็อกที่เอาไว้ให้เราได้ทบทวนอะไรๆ
พักนี้ติดใช้คำว่าขอโทษมากไปหน่อย คงดูน่ารำคาญสินะ
ช่วยไม่ได้ ก็มันมีความรู้สึกผิดอยู่เต็มอกนี่หน่า เป็นความรู้สึกจริงๆ
ไม่ว่ายังไงก็หลีกเลี่ยงการทำร้ายคนอื่นไม่ได้จริงๆ ก็นั่นสินะ
ย่อหน้าที่สองก็ยังเป็นการซ้อมอยู่อีกสินะ เฮ้อออ..
พูดถึงเป้าหมายในชีวิต หลายคนก็อาจนึกถึงการทำตามความฝัน
อาจนึกถึงการใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขกับครอบครัวและคนรัก
อาจนึกถึงชีวิตการทำงานที่ประสบความสำเร็จ น่าชื่นชม
จะว่าไปก็น่าอิจฉาเนอะ เพราะเราไม่มีอะไรพวกนั้นเลย
มองไม่เห็นภาพอนาคต จินตนาการไม่ออกเลย แม้แต่น้อย
ความฝันที่เคยมีก็เลือนราง อยากเป็นนักเขียนเหรอ??
อยากเป็นครูเหรอ?? อยากเป็นนู่นนี่นั่นเหรอ มันไม่อินเลย
ถ้าบอกว่าที่เป็นอยู่นี้ พอใจแล้ว ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนัก
เป็นคนที่สับสนในตัวเองพอตัว มีอะไรที่ขัดแย้งในตัวเองมาก
ความรู้สึกที่ไม่ค่อยอิน ไม่ค่อยเชื่อถือในสิ่งที่กำลังทำอยู่
เวลาแต่งนิยาย ก็มีอะไรแบบนี้อยู่นะ ทำไมถึงได้แต่งนะ
ไม่ใช่ว่าคิดมากไปเรื่อยหรอก ก็มันไม่ใช่เรื่องจริงนี่หน่า
ทำไมถึงได้เขียนอะไรที่มันไม่จริงออกมา ก็ไม่เข้าใจน่ะสิ
ส่วนมากแล้วก็เป็นการระบายหลังจากดูอนิเมะสักเรื่องนะ
เกิดไอเดีย เกิดพล็อตอะไรก็เอามาใส่ หาภาพมาจิ้นตัวละคร
แต่งไปแต่งมาจะรู้สึกเหมือนระลึกถึงอนิเมะเรื่องนู้นเรื่องนี้
ยิ่งแต่ง ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่มีอะไรเป็นของเราเลย แค่ดึงของเขามาใช้
แต่ถ้ามันเป็นประโยชน์ก็ดีสินะ ถ้าแต่งนิยายแล้วมันมีประโยชน์..
เหมือนอ่านหนังสือที่เอาหลักการมาใช้ได้ก็คงดีสินะ แต่เอ๊ะ
มันจะยังเป็นนิยายอยู่หรือเปล่านะ เฮ้อ ชิวไปซะแระ โพสต์นี้
เป็นหวัดแล้วก็มึนๆ เบลอๆ แบบนี้แหละ สอนโยคะวันนี้ยังสับสนซ้ายขวา
ที่จริงควรจะพักสมองหน่อย เวลาไม่สบายแล้วยังใช้สมอง ไม่ดีต่อสุขภาพ
แต่ถึงจะไม่สบายยังไง เราก็ต้องมีชีวิตอยู่นี่หน่า ต้องทบทวนตัวเองอยู่ตลอด
ไม่ใช่การคิดมากเกินไปหรอก ถ้าทำแล้วมันมีประโยชน์ ก็พอใจที่จะทำอยู่
เหมือนกับชีวิตนี้เป็นเกมเซอไวเวิล ทุกเช้าเราตื่นขึ้นมาเพื่อผจญภัย(อันตราย)
นับตั้งแต่การทำร้ายทางเสียงด้วยถ้อยคำที่เราไม่พอใจ ตามมาด้วยอากาศ..
ดันแพ้อากาศซะนี่ แพ้บ่อยซะด้วย ต้องหาวิธีเอาชนะให้ได้เลย..สินะ
ในระหว่างที่เราเล่นเกมอยู่นั่น ถ้าเกิดว่ามันมีแต่อันตราย มีแต่เรื่องที่ทำให้เจ็บ
เราก็อาจท้อแท้หมดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ จนฆ่าตัวตาย ให้เกมโอเวอร์
เพราะงั้นถ้ามีความสุขบ้าง อะไรเล็กๆ น้อยๆที่พอจะเป็นความสุข..
เพื่อให้เรามีกำลังใจสู้ต่อไป มันก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เกมมันน่าสนุกขึ้นมา
ช่วงกลางคืน สมองมันแล่นเร็วกว่าเช้า-กลางวัน เป็นเรื่องปกติสินะ
แต่มีข้อเสียที่ทำให้นอนหลับยาก เคยนอนคิดไปยันเช้าเลยก็มี
ทั้งที่เข้านอนเร็วอะนะ แต่ร่างกายก็อ่อนเพลีย เพราะพักผ่อนน้อย
เหมือนร่างกายจะปรับโหมดซิมพาเธติกในตอนกลางคืน
ส่วนตอนกลางวันจะชิวและหลับง่าย เข้าโหมดพาราซิมพาเธติก
สังเกตว่าเราออกจะหายใจลึกอยู่เลยเข้าโหมดหลับง่ายละสิ
แต่กลางคืน พอได้เติมเชื้อเพลิงในเน็ต แล้วมันอะเลิร์ต ตื่นตัวดี
เริ่มมีอาการเขียนวนไปวนมาล่ะ นึกถึงตอนทำข้อสอบเป็นบ้า
แค่คิดย้อนกลับไป ก็รู้สึกเลวร้าย ผิดพลาดอย่างสยองงงง
เอาล่ะ คงต้องนอนเร็วสินะ ขอให้นอนหลับก็ละกัน
เพราะการนอนหลับพักผ่อนเพียงพอดีต่อสุขภาพ
อ๊ะ แต่ถ้าระบบหายใจไม่ค่อยดี จะรู้สึกว่าไม่ค่อยได้พัก
นอนมากยังไงก็ยังป่วยอยู่ดี เพราะเอาอ็อกซิเจนไปเลี้ยงไม่พอ
บางทีก็น่ารำคาญนะ ที่รู้มากเกินไป ขี้เกียจเอาใจใส่คนอื่น
แบบว่า เห็นอะไรก็ผิดไปหมด ทำแบบนี้ ทำลายสุขภาพชัดๆ
เห้อออ เห็นคนอื่นทำร้ายตัวเองแล้วมันกลุ้ม ไม่ดีๆ ไม่ใช่เรื่องของเรา
ปล.ช่วงนี้นึกถึงหลักเสมอภาคนะ แบบวิน-วิน แบบนั้นมันสมดุลดี
การรักษาความสมดุลเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้วล่ะ พยายามเข้านะ!
ปล.ปล. ที่จริงแล้วเราชอบอธิบายแบบสั้นๆ น่ะ อาจจะเป็นที่เข้าใจแค่เราคนเดียว