Wednesday, August 02, 2017

เขียนอะไร ยิ่งเขียนยิ่งแย่

เมื่อห้าปีก่อนเป็นครั้งแรกที่เราไปพบจิตแพทย์​
ตอนนั้นเรายังไม่เครียดขนาดนี้เลย
แต่อาจจะมีปัญหา​สุขภาพ​กายบ่อยๆ
เป็นภูมิแพ้​ หวัด ไอ หอบ ไม่มากไม่มายอะไร
แต่ยายมักจะบ่นให้ไป ก็เลยต้องไปรักษา
ก็ไม่ได้ไปโรงบาลอะไร ไปแค่ศูนย์​อนามัยใกล้บ้าน
เอายามากิน หาย แล้วกลับมาเป็นใหม่ = ปกติ
จะมีก็ตอนเรียนโยคะ ไม่ค่อยป่วย สุขภาพ​ดีมากๆ
ก็เลยชอบโยคะ ตั้งใจ​เรียนที่สุด แต่ยังฝึกไม่บ่อย
กลับมาบ้านก็อาย ไม่ค่อยฝึกที่บ้านสักเท่าไหร่
บวกกับที่บ้าน คนเยอะ เสียงดัง ไม่ค่อยมีสมาธิ​
เราเคยใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างว่าทำรายงานไม่ได้
อจ.ที่ปรึกษา​เคยโทรมาแล้วบอกว่าเสียงดังจริง
ตอนนั้นน้ารับสอนพิเศษ​ด้วย เด็กมาเล่นวุ่นวาย
บางทีก็นึกย้อนอดีตนานไปไหม ชัดเจน​ดีมากเลย
สมัยนั้นก็จะชอบทำแบบทดสอบในเน็ตเล่นๆ
ช่วงนั้นโรคซึมเศร้า​เพิ่งเป็นที่รู้จัก​ แบบช่วงแรกๆเลย
แล้วฟังบ่อยๆ อาการก็เริ่มตรงเลยลองทำแบบทดสอบ
ประเมินได้ให้ไปพบหมออะไรทำนองนี้
แล้วพอดีว่ามันต้องทำรายงานแต่แสบตามาก
ร้องไห้​จนแสบตา มองคอมก็ไม่ค่อยได้
เวลาร้องมากๆ ก็เป็นหวัด ไอ ไม่สบายตามมา
แล้วที่ศูนย์​อนามัย​ที่รักษาอยู่ มีคลินิกสุขภาพ​จิต
แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรยังไง
ตอนเข้าไปรักษาตามปกติก็เลยขอตรวจสุขภาพ​จิต
หมอก็ถามว่าใช้สมัครงานเหรอ
อ้ะแต่เราบอกเราแสบตาเพราะร้องไห้
มันคงเป็นเหตุผล​แปลกๆ พิลึกเนอะ
พอดีมาตรงช่วงรักษาก็เลยได้พบหมอจิตด้วย
ก่อนพบหมอก็คุยกับนักสังคมท่าทางใจดี
แต่ก็จำไม่ได้แระว่าคุยอะไรบ้าง
เหมือนจะสรุปออกมาได้ว่าเครียดเรื่องทำรายงาน
เราก็เดาๆ เอาว่าคงไม่มีไรมาก แค่กินยาแล้วหาย
เพราะหมอก็บอกแค่นั้น บอกว่ายากินแล้วสมองไบร์ท​
กินแล้วมีสมาธิ​มากขึ้น ทำรายงาน​จบแน่นอน
แต่ก็เป็นเพราะเรารับไปทำงานซะ
ก็งานมันดี ชิว และเกี่ยวกับ​โยคะ
สำคัญ​เลย ได้เรียนโยคะกับเจ้าของสตูดิโอ​
แบบว่าถึงจะฟังภาษา​ไม่เก่ง
แต่ยอมเลย อยากเรียนมาก ชอบมาก
ดีมากจริงๆ ชอบงานมากด้วย
แต่เราความดันต่ำมาก ผอมมาก เวียนหัว​มาก
เวลาไปทำงานต้องเดินขึ้นบันไดข้ามทางสูงๆ
มึนหัวมาก ทนไม่ไหว ผลข้างเคียง​อื่นๆ อีก
กินชาแล้วตัวสั่น ปัสสาวะ​บ่อย เบื่อ​อาหาร
แล้วคุยเรื่องการรักษากับผจก.
เค้าก็ไม่ว่าอะไร เจ้าของสตูก็รับทราบ
เค้ารู้ว่าวิชาที่เราเรียนก็น่าปวดหัว
อันหนึ่งอย่างหนึ่ง อีกอันอีกอย่างหนึ่ง
เจ้าของก็ใจดีมากให้เราได้เรียนโยคะ
แฟนเจ้าของก็ใจดี คนที่มาเรียนท่าทางเป็นมิตร
เป็น​สังคมเล็กๆ ที่อบอุ่น เหมือนเป็นญาติมิตร
เราคิดเอาเองว่าควรหยุดยาแล้วฝึกโยคะเอา
เรื่องเรียนก็คิดว่า เดี๋ยว​พออาการทางกายดีขึ้น
เราก็จะหาเวลาไปนั่งทำงานตามร้านอาหารสงบๆ
อยู่​ๆ เราก็ไม่พอใจในตัวเองมากๆ
คิดลบบ่อยขึ้น คือช่วงกินยา แทบจะไม่มีอาการนี้
เริ่มคิดว่าตัวเองเหมือนเป็นเครื่องจักร ไม่มีชีวิตชีวา​
เริ่มคิดถึงการตาย การฆ่าตัวตาย ​แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ตอนหลังมารู้ว่าเป็นโยโย่เอฟเฟค​ของการหยุดยาตัวนี้
แล้วไม่ได้บอกจิตแพทย์​ เห็นเขาว่าดูดีขึ้น
แล้วก็จบการรักษาลงตรงที่เราให้ข้อมูล​เท็จไป
เพราะเราเพิ่งลาออกและพยายามฆ่าตัวตาย​มามาดๆ
แต่ไม่รู้จะพูดยังไงดี
หลังจาก​นั้นก็เหมือนเป็นฝันร้ายตามมาหลอกหลอน​
ไม่มีชีวิตสงบสุขอีกต่อไป
แต่เราก็ยังมีชีวิต ยังมีแรงทำงาน ยังไม่บ้า
ถึงแม้ช่วงนี้จะขาดสติบ่อย
เครียด​และรับตัวเองไม่ค่อย​ได้
ทรมานที่ปวดท้องแล้วทำไรไม่ไหว
นอนมากก็เครียด คิดแต่อะไรไม่ดี
อยากกินยานอนหลับ​เยอะๆ
ไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย
ยายก็ร้องให้ช่วยด้วยๆ
เราก็ไม่รู้​จะช่วยได้ยังไง
เราทำอะไรไม่ได้ดี
ถ้าไม่ดีแล้วจะทำทำไม
จะทำยังไงถึงจะดี
แต่ก็ไม่อยากจะทำ
แต่ก็ไม่ดีอยู่ดี
ไม่ดีจนคิดอะไรไม่ออก
ไม่ดีจนไม่อยากเขียน