ก็นะ เขียนแต่เรื่องแย่ๆ มาพอสมควร
อยากจะลองสะสมโพสต์ดีๆ ดูบ้าง
ถึงจะยากซักหน่อย กับคนแบบนี้
เรื่องไม่คาดฝันในชีวิตก็พบได้ยากจริง
พอคาดเดาอะไรต่อมิอะไรได้ง่ายก็น่าเบื่อ
เพราะงั้นถึงพยายามวิ่งเข้าหาอันตราย
เผลอชื่นชมหลงใหลความสวยงามที่แสนระทม
ก็นะบางทีมันก็เหมือนกับปาฏิหาริย์, เว่อไป
เหมือนเวลาเล่นเกมแล้วเจอบักแปลกๆ
เช่นลงไปแช่ออนเซ็นทั้งชุดยูนิฟอร์มทำงาน
แถมยังลงไปแบบเป็นส่วนเกินซะด้วย
เป็นบักแค่ชั่วครู่ มาให้ตกใจเล่นแต่แอบฮา
แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีซะเท่าไหร่
ภาพความทรงจำที่เลือนลางในสมัยเรียน
เคยทำรายงานความสุข..แบบว่าลิสต์ๆๆๆ
ในแต่ละวันว่า..อะไรเป็นความสุข
แม้เพียงเรื่องเล็กน้อยอย่างเช่นชื่นชมใบไม้ร่วง
เมื่อก่อนนั้นเรามีความสุขง่ายขนาดนั้นเชียว
จำไม่ได้เลยว่าเคยเป็นคนแบบไหน
มีชีวิตและคิดอะไรยังไง
เป็นไปได้ว่าก่อนหน้านี้ อาจเป็นคนละคนกัน
ก็ว่าอยู่ ตั้งแต่ที่ได้ดูวิดีโอความสิ้นหวัง
ซะเมื่อไหร่..เพ้อเจ้อ ผสมโรงกับอนิเมะ
เราก็สิ้นหวังมาตลอดอยู่แล้วล่ะ
ถึงจะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนก็ตาม
ได้มีชีวิตดีๆ ในสังคมดีๆ เพื่อนดีๆ ครูดีๆ
มีญาติเยอะแยะ คอยให้ความช่วยเหลือกัน
ถึงจะเยอะจนรก เยอะจนรำคาญลูกกะตา
เยอะจนหนักหูหนักสมอง +0+
แต่ก็คงจะพอเอาไปทำอะไรได้บ้าง
อย่างเช่น เก็บไว้เวลาหิว หรือเปล่านะ
ข้อดีของญาติเยอะๆ คือมีอะไรกินใหม่ๆ
ค้นพบความอร่อยจากอาหารหลากหลาย
อาจจะแค่ไม่ก็เมนู แต่รสชาติก็แตกต่างได้
ตามสถานการณ์ ตามอารมณ์คนรับประทาน
แหม ใช้คำสุภาพจัง อย่างกับคนมีมารยาท
กำลังเขียนเรื่องดีๆ ก็ชวนตัวเองทำเสียเรื่องได้
มันก็เริ่มจะน่าเบื่อที่จมอยู่ในความสิ้นหวัง
ถึงจะสิ้นหวังแต่ก็ยังสนุกไปกับมันได้
แต่พอน่าเบื่อ อะไรๆ มันก็น่าเบื่อไปหมด
แม้แต่กับความสิ้นหวัง ก็ยังน่าเบื่อ
แค่คิดอะไรเล่นๆ ก็น่าเบื่อ ไม่คิดก็เบื่อ
อยากจะลองตาย ซ้อมตายเล่นๆ ก็เบื่อ
ที่น่าเบื่อที่สุดก็เสียงของตัวเอง
เสียงของผู้คนที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ
เช่นเสียงฝีเท้าเดิน เสียงกระแทกข้าวของ
หรือเสียงถอนหายใจสั้นๆ หรือยาวๆ
เสียงเหล่านั้น ช่างน่ากลัวและรบกวนจิตใจ
ก็นะ ถึงจะไม่รู้ว่าจิตใจมีอยู่จริงหรือเปล่า
แต่รู้สึกว่าคนทั่วไปจะใช้คำนี้จนคุ้นล่ะ
ถ้ามีจิตใจแล้วดี ก็คงจะสมควรมีละนะ
ทำไมเราถึงได้เหมือนกับเด็กแรกเกิดเลยล่ะ
ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรจนน่ารำคาญเป็นบ้า
หรือว่าแค่ป่วยจนสมองฟั่นเฟือน
แต่ก็ยังพอจำตัวเองได้บ้าง
ถึงจะรู้สึกมึนๆ เบลอๆ เหมือนไม่สบายตลอด
ความทรงจำก็สับสน แต่คงปกติละนะ
เพราะเราไม่ถนัดเรื่องการลำดับเวลา
อาจจะเห็นเพื่อนมหา'ลัยเป็นเพื่อนอนุบาล
ถึงจะว่าก็ว่าอาจจะจำคนอื่นได้หรือไม่ได้เลย
เพราะเราก็คงมัวแต่สนใจตัวเอง
มัวแต่คิดอะไรจนไม่สนใจใครเลย
มัวแต่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของตัวเองคนเดียว
คนแบบเราถึงไม่สมควรจะมีเพื่อน
เราไม่เหมาะสมกับการมีชีวิตที่ดีจริงๆ ล่ะ
อยากจะทำใจยอมรับชีวิตแย่ๆ ให้ได้
เพราะเราก็สมควรได้รับเท่าที่เราสมควร
คนอื่นที่เค้าดีๆ ก็สมควรได้รับสิ่งดีๆ
และเราก็คงไม่สนใจอะไรกับชีวิตดีๆ ของใคร
เหมือนกับว่าเราไม่ได้อยู่ร่วมโลกกันซะงั้น
โลกของเรานี่มันช่างห่างไกล
อ้า แบบนี้ใช้การเขียนถึงสิ่งดีๆ ไหมนะ
ลึกๆ แล้ว เรานิยามคำว่า ดี แบบไหนกัน
สงสัยมาตลอดว่ามันจะไม่มีอยู่จริง
ถึงจะนิยามไปก็ไม่เชื่อมันอยู่ดี
คำนิยามมันจะซึมซับเข้าไปทางไหนกัน
เราคิดอยู่เรื่อยว่าความตั้งใจมีอยู่จริงไหม
หมายถึงเจตนา หรือความปรารถนาจะทำอะไร
สิ่งเหล่านั้นเป็นไปได้ยังไงกัน
ตัวเรา สังคม หรือโชคชะตาที่กำหนด
เรามีความสามารถในการตัดสินใจจะทำหรือไม่
ถึงจะตั้งคำถามไป แต่กลับลังเลที่จะหาคำตอบ
เพราะกลัวสินะ กลัวจะเป็นแบบที่เรากลัว
กลัวว่าจะไม่อิสระต่อการตัดสินใจที่จะทำ
แต่ความเชื่อกับความจริงมันต่างกัน
และเราควรจะซื่อตรงกับสิ่งไหนมากกว่ากัน
ไม่อยากจะคิดเลย
ทั้งที่เหมือนจะต้องการอิสระ
แต่กลับเลือกจะให้สิ่งอื่นมากำหนดการกระทำ
ถึงอย่างนั้นก็มันจำเป็น
ที่จะต้องขยับไปตามแรงขับที่ใหญ่กว่าตัวเอง
แม้สิ่งนั้นจะเป็นความสิ้นหวังก็ตาม
ถ้าผู้นำสังคมสิ้นหวัง เราก็ต้องทิ้งความหวังไป
เราคิดว่ามันเป็นกฏเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม
การต่อต้านสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นทำได้ยาก
เพราะความกลัวมันน่ากลัวเหลือเกิน
ถ้าเรามีความกล้าสักนิด
แต่ถึงอย่างไรความโง่ก็ครอบงำอยู่ดี
คนโง่ที่กล้าก็คือ คนบ้าดีๆ นี่เอง แบบนี้สินะ
หรืออีกนัย ก็แค่คนหน้าด้านคนหนึ่ง
ถึงจะโผล่พ้นจากความกลัวได้ก็ยังมาเจอความโง่
มีอุปสรรคหลายด่านให้ต้องผ่านไปสินะ
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องผ่านไปสักหน่อย
ถ้ามันยากนักก็เลิกเล่น ปล่อยเกมโอเวอร์ซะเลย
เป็นวิธีสิ้นคิดดีเหลือเกิน
ทางออกของชีวิตคงไม่ง่ายเหมือนในเกม
ไม่จบภาคจบเรื่องเหมือนอนิเมะ
หรือจะจบก็มีภาคต่อไม่สิ้นสุด
น่าเบื่อชะมัดที่มีตัวเองเป็นตัวเอกในเกมจริง
เอ้ยชีวิตจริง ถึงจะแอบสับสนปนกันบ่อยๆ
ถ้าเราลืมภาคก่อนๆ ของตัวเรา
ก็คงน่าเสียดายในความพยายาม
เสียดายต่อสายสัมพันธ์ต่อผู้คนหรือสัตว์
ถึงเราจะไม่อยากเชื่อมโยงกับอะไร
อยากจะสลัดทุกอย่างออกไปก็สูญเปล่า
เราไม่อาจมีตัวตนโดยปราศจากสิ่งรอบตัว
ถึงจะเห็นเป็นเพียงที่ว่างหรือสิ่งเปรียบเทียบ
แต่ก็ขาดไม่ได้ จำเป็นเสมอ คงจะสำคัญ
ถึงตอนนี้จะยังไม่ค่อยเข้าใจอะไร
ไว้สมองดี อารมณ์ไม่ป่วย ใจปกติ
คงจะคิดอะไรดีๆ ได้เยอะขึ้น
ยังสรุปอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ตราบใดที่ยังไม่จบเกม
หรือจบชีวิตนะ
ถ้าเราจะมีหวัง
มันคงจะต้องดีกว่าความหวังที่ผ่านมา
ถ้าเราจะสิ้นหวัง
มันคงจะต้องสิ้นหวังยิ่งกว่าที่แล้วๆ มา
ชีวิตที่ยากขึ้น ก็คงเลื่อนระดับไปตามเลเวล
อาจจะยอมจมอยู่กับเลเวลเดิมๆ
เพื่อเพิ่มพูนค่าประสบการณ์
ไม่ว่าจะทิ้งเวลาไปกับอะไร
มันก็ไม่เคยสูญเปล่า
ถ้าเป็นไปตามกฏแห่งกรรม
แรงกระทำใดๆ ก็เป็นไปตามแรงกระทำ
ที่เคยกระทำไว้ก่อนหน้านั้น
ลงแรงไว้แบบไหน ก็ได้ผลเท่านั้น
มันควรจะน่าสิ้นหวัง ถ้าไม่ได้ลงแรงอะไร
มันควรจะน่าสิ้นหวัง ถ้าไร้เรี่ยวแรงจะทำ
เราสมควรที่จะได้รับความสิ้นหวังหรือไม่นั้น
แม้แต่ตัวเราก็ตัดสินไม่ได้
เพราะเราไม่รู้จักตัวเองดีพอ
ไม่พยายามที่จะรู้จัก
ได้แต่กีดกันและผลักไสตัวตนและการดำรงอยู่
ยากเหลือเกินที่จะค้นพบความจริง
เกี่ยวกับตัวเอง เกี่ยวกับโลกใบนี้
ยากที่จะเปิดใจยอมรับ
ยากที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
ถ้ามีสูตรให้ใส่ได้ แต่แอบโกงชีวิต คงไม่ดี
มันคงจะง่ายไปและเบื่อได้ง่ายๆ ทิ้งได้ง่ายๆ
ถึงอยากลองเล่นการไม่มีชีวิต
แต่เล่นกับสิ่งที่อยู่เหนือตัวเองแบบนั้น
จะถูกเล่นงานเอาได้นะ
อยากจะนอนหลับไปและตื่นมาพร้อมกับ
การเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้น
เป็นความหวังที่สมควรได้รับหรือไม่นั้น
ใช่เรื่องที่เราจะมาตัดสินได้อย่างนั้นหรือ
ยอมรับว่าการคิดเกี่ยวกับความหวัง
ทำให้ชีวิตดำเนินไปได้ด้วยดี
แต่การคิดถึงตัวเองไม่เป็นไปแบบนั้น
มีแต่ความผิดพลาด มีแต่ความอ่อนแอ
มีแต่สิ่งที่ต้องแก้ไขแต่ทำไม่ได้ในทันที
เราไม่มีกำลังมากพอจะทำหรอกนะ
และคงให้ใครมาทำแทนไม่ได้
ถึงได้ไม่ยอมรับการมีอยู่ของผู้คน
เพราะมันเป็นภาระที่หนักหนา
ถ้ายอมรับว่าผู้คนกำลังเป็นทุกข์และเจ็บปวด
ตัวเรา ไม่มีกำลังมากพอที่จะช่วยใคร
ไม่มีแม้แต่ความหวังใดใดที่จะเป็น
เพราะขี้ขลาดและยินดีที่ไม่ได้รับอะไร
ยินดีต่อการสูญเสียผู้อื่น
ยินดีต่อการทำผิดต่อผู้อื่น
และสิ่งเหล่านั้นคือความผิดพลาด
ถึงจะไม่ยอมรับแต่การกระทำก็คือยินดี
เมื่อไหร่ที่เผลอมีความสุข
ถึงได้รู้ว่าเรากำลังยินดีต่อความทุกข์ยาก
ต่อความเจ็บปวดของผู้อื่น
โดยไม่ได้ให้การช่วยเหลือแบ่งเบาอะไร
ความสุขของเราจึงเป็นความผิดพลาด
เราถึงได้มีชีวิตแย่ๆ แบบนี้
เพราะเรายินดีที่จะเห็นความย่อยยับอับจน
ไม่ว่าจะของใครหน้าไหนทั้งนั้น
และเพื่อปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวด
ก็เลือกที่จะไม่ยอมรับตัวตนที่เจ็บปวด
ไม่ยอมรับว่าผู้อื่นมีอยู่จริง
แค่กลไกปกป้องตัวเอง
สิ่งนั้นก็นำมาย่อยยับมาสู่