ในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมเราถึงได้เกลียดสิ่งนั้น
เพราะมันคาดเดายากเกินไป
ความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นมีเยอะเกินไป
เข้าใจว่าทำไมถึงมีคนบอกว่ามันยาก
เพราะเราอคติกับสิ่งที่ดูลบมาตลอด
แต่ที่แท้สิ่งเหล่านั้นคือตัวเรามากกว่า
มันมีอยู่โดยที่เราไม่ทันสังเกต
มันเคยเป็นสิ่งที่น่ากลัวเกินไป
เราเกลียดข้อความทั้งหมดบนโลกนี้
มันได้บิดเบือนความจริงไปหมด
ตั้งแต่การเริ่มต้นมีอยู่ของมัน
แต่นั้นก็หมายความอีกอย่างว่า
เราโง่เกินกว่าที่จะสื่อมันออกมาได้ทั้งหมด
ถึงอย่างนั้น ถ้อยคำก็ยังมีพลังอยู่
แม้ว่ามันจะถูกส่งออกมาแบบโง่ๆ
ถ้อยคำที่ฝังหัวของเราเอาไว้
มันเกิดการเปลี่ยนแปลงไป
มันไม่หยุดนิ่งง่ายๆ
ทำให้เราสับสนบ่อยๆ
บางครั้งก็ทรมานเรา
บางครั้งก็ชวนให้สนุกสนาน
และมันยังกักขังเราเอาไว้
ทำให้รู้ซึ้งถึงพลังของถ้อยคำ
อย่างเช่น สมัยอ่านหนังสือฮาวทูบ่อยๆ
จะมีคำว่า ความหวัง ความกลัว
วิกฤติ โอกาส การเรียนรู้ พัฒนา
ทั้งหมดนั้นก็เพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง
ตัวเราที่ค้นพบการใช้งานตัวเองได้
จะเป็นที่ต้องการมากขึ้น
จะได้รับการยอมรับให้ทำหน้าที่
ทำงานเพื่อตัวเองและคนอื่น
การทำหน้าที่เป็นงานที่แสนสำคัญ
แต่ไม่นาน โครงสร้างภายในก็สั่นคลอน
เพราะเราไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง
เราคือฟันเฟืองส่วนไหนกัน
ของโลกใบนี้ ของที่นี่..
การที่เราเลือกโฟกัสไปที่ความคิด
มากกว่าความรู้สึก
ทำให้เราไม่ทันสังเกตความรู้สึก
ของตัวเอง ของผู้คนรอบๆ
ในที่สุด ทุกคนก็หายไป
ราวกับพวกเขาไม่มีความรู้สึก
ราวกับตัวเราไม่มีความรู้สึก
สิ่งที่ไม่มีความรู้สึก
ไม่ต่างไปจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต
เป็นความจริงที่ถ้อยคำมันแทรกซึม
เข้าไปบงการชีวิตให้ราวกับไร้ชีวิตได้
เพราะเราเชื่อในถ้อยคำที่แสนสำคัญ
แม้จะรู้ว่ามันถูกบิดเบือนมาก่อนแล้ว
ภาพของถ้อยคำที่บิดเบือนไปนั้น
มันยังคงงดงามอยู่เสมอ
ตลอดที่ในห้วงความคิดเฝ้าหา
ความปวดร้าวที่แสนจะมีค่า
ทุกเรื่องน่าปวดใจ ทุกความเศร้า
เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ตราตรึงใจ
แม้ไม่รู้ว่าจะสวยสดงดงามไปได้อีกแค่ไหน
เราก็ยังอยากจะจดจำไว้ว่าในครั้งหนึ่ง
ได้มีความหวังในความสิ้นหวัง
และความสิ้นหวังในความหวัง
คอยต่อประกายชีวิต ที่ทั้งกลวงและล้น
ชีวิตที่หลอกลวงด้วยถ้อยคำ อย่างสัตย์ซื่อ
เกลียดการพิมพ์ผิดชะมัด
เราไม่ได้คลั่งความสมบูรณ์แบบนะ
แค่มีปมกับการทำผิดมากไปหน่อย
ระหว่างคำว่า มีปม กับ คลั่ง
เราควรจะเป็นคนแบบไหนมากกว่านะ
มีปม ฟังดูแย่กว่าเนอะ ใช้กับน้อยกว่าด้วย
ส่วนมากมักจะใช้กับเรื่องแย่ๆ สินะ
แต่เราเชื่อว่า มันเป็นปมจริงๆ
มันไขไม่ออกเลยล่ะ เรื่องแบบนั้น
เหมือนกับว่าเราทำผิดอยู่ตลอดเวลา
ต้องคอยระแวดระวังไม่ให้ถูกจับได้
เลยใช้สันดานดิบออกมาเยอะไปหน่อย
ที่แท้ก็เป็นคนป่านี่เอง สินะ
ความกลัวของเราก็เกี่ยวกับการทำผิด
เราจะไม่ยอมทำในสิ่งที่คิดว่าผิด
เพราะมันจะทำให้เราถูกลงโทษ
การลงโทษที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ
ถูกประจาน ใช้คำพูดกล่าวถึงแบบแย่ๆ
เพราะงั้นเราจำเป็นต้องรักษาคำพูด
รักษา แบบว่า ไม่ให้มันหลุดออกมา
ถ้อยคำที่อัดแน่นด้วยคำสาปแช่ง
แต่ตัวเราไม่สามารถที่จะบรรจุมันได้ตลอดไป
แค่ต้องการพื้นที่
ที่เราสามารถเทขยะเหล่านั้นออกไปได้
ไม่เช่นนั้นก็ต้องยอมที่จะถูกกลืนกิน
แต่อย่างที่ว่า ตัวเราไม่มีอะไร
ไม่มีอะไรให้กลืนกิน
ไม่มีแม้แต่สถานะบนโลกนี้
เพราะงั้น
เราก็ไม่รู้สึกถึงมันหรอก
และทุกอย่างที่เป็นความรับผิดชอบ
ทุกสิ่งที่อยู่ภายใต้เราก็คือขยะ
มันไม่ได้มีความหมายอะไร