ความกังวลใจ..?? วิตกกังวล?? กลัว??
ความใกล้ชิด เอ้ย ใกล้เคียงของคำพวกนี้
มันทำให้ข้องใจมากว่าจะแยกมันยังไง
ถ้าแบ่งตามระดับความเจ็บปวด??
หรือระดับความทรมาน
เรียงจากน้อยไปมากตามลำดับ
กังวลใจ>กลัว>วิตกกังวล
หรือไม่ก็ กลัว/กังวลใจ>วิตกกังวล
ถ้าเสริมอีกสองตัวคือ กลุ้มใจ, วิตกจริต
กลุ้มใจ/กลัว/กังวลใจ>วิตกกังวล>วิตกจริต
แต่พอคิดอีกที น่าจะแยกความกลัวออกมา
ความกลัวดูจะกว้างครอบคลุมคำย่อยเยอะ
ในเชิงปริมาณ ดูท่าว่า กังวลใจจะเป็นคำเบาๆ
มีการใช้คำว่า แค่ คือ แค่กลุ้ม, แค่กังวล
แต่กับคำว่า วิตก ดูจะรุนแรงกว่ามาก
ถ้าเราสังเกตระดับความทรมานและระยะเวลา
เป็นไปได้ว่า เราจะประเมินความเจ็บปวดได้ถูก
การสังเกตมักจะต้องเกิดจากความใส่ใจ
ถ้าไม่ใส่ใจ ไม่เอาใจจดจ่อ มันก็สะดุดมาก
ถ้าสะดุดบ่อยๆ คงขาดแรงใจไปสังเกตต่อ
เพราะงั้นจึงต้องระมัดระวังไม่ให้ใจหลุด
การเอาใจใส่แบบต่อเนื่องคงดีต่อการเฝ้าสังเกต
ดีต่อการรักษาสุขภาพ
รักษาให้เกิดภาพแห่งความสุข
ยอมรับว่าสำหรับเรา การสังเกตคนอื่นยากเกินไป
โดยเฉพาะการสังเกตคนที่มีความแตกต่าง
ความรู้สึกเกี่ยวกับการแปลกแยก ความขัดแย้ง
ความรู้สึกผิด ความรู้สึกในเชิงลบเข้ามาปะปน
ทำให้การสังเกตต้องสะดุดบ่อยครั้ง
ทำให้การเอาใจใส่บกพร่อง
การปราศจากอคติและความคิดลำเอียง
คงดีต่อการสังเกต ดีต่อการเอาใจใส่
ที่เราสะดุดกับคำว่า กังวลในระดับต่างๆ
เพราะเราไม่อาจแน่ใจได้เลยว่า
ความกังวลของผู้อื่นอยู่ในระดับใด
แต่ก็มีวิธีการนอกจากคำพูดแบบตรงไปตรงมา
คือการสังเกตพฤติกรรม หรืออาจจะอื่นๆ ด้วย
คิดว่าถ้าสังเกตได้ดีกว่านี้คงไม่พลาดทำให้
ใครต้องเจ็บจนทนไม่ไหว
แต่ตาของเราก็ไม่ค่อยจะมองใคร
บางทีอาจเพราะใจไม่ค่อยเปิด
ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นก็ใช่ว่าจะมีอยู่ตลอด
บางทีก็เห็นตัวเองมากไป หรือไม่เห็นอะไรเลย
คิดแล้วแอบปวดหัว ทั้งที่ตั้งใจจะนอน
ถ้าไม่ได้ผ่อนคลายก่อนนอนก็เหมือนไม่ได้นอน
การสร้างภาพแห่งความสุขไม่ได้ทำแค่ผิวเผิน
ถ้าคิดว่าภาพไหนไม่ดีก็ต้องเปลี่ยนให้ดีพอ
มองเห็นภาพเยอะเกินไปก็แค่ต้องเหนื่อยหน่อย
แต่คงจะได้ภาพที่ดีเยอะๆและมีชีวิตดีหลายด้าน
นอกจากสังเกตแล้วถ้าไม่ทบทวนสักหน่อย
คงไม่ต่างอะไรจากการเรียนที่เอาแต่ดูฟัง
แต่ไม่ทบทวน ไม่กลับมามองภาพรวมได้ไง
ถึงจะจมอยู่แต่รายละเอียดก็ไร้ประโยชน์
มันมีแง่มุมมากมายให้ศึกษาให้ค้นพบ
ต้องมีบางแง่ที่น่าสนใจบ้างละนะ
เพราะงั้นการเรียนถึงได้ไม่เคยน่าเบื่อ
ยิ่งคิดเชื่อมโยงแล้วกลับยิ่งสนุกเข้าไปอีก
สำหรับเราแล้วความกังวลใจ
มันสลัดออกไปได้ด้วยความกระจ่าง
ยิ่งกังวลก็ยิ่งอยากรู้ให้มากขึ้น
ถึงบางสถานการณ์ที่ไม่สามารถรู้ได้
คงต้องทำใจยอมรับความไม่รู้นั้น
แล้วเชื่อมั่นว่าความจริงจะปรากฏ
แต่บางสถานการณ์ที่ทุกข์ทรมานมาก
เช่น กระสับกระส่าย โกรธเคืองหนัก
คงต้องมองอารมณ์ตัวเองก่อน
ถ้าสงบได้เมื่อไหร่ ความรู้ถึงจะตามมา
ไม่มีทางรู้ได้ในเวลาที่คลื่นลมรุนแรง
แต่เมื่อเมฆฝนเบาบาง
แสงแดดส่องสว่างกระจ่างจริง
เดี๋ยวนะ นี่มันเพลงอะไร
ขอเพลงกล่อมนอนเถอะ ตอนนี้