เจอของที่หายพร้อมกับลาภลอย
กระเป๋าใส่เงินหนักอึ้ง (เหรียญทั้งนั้น)
ซึ่งเป็นของตัวเองอะแหละ แต่ลืม
ใครติดหนี้เราก็สบายเลย เพราะชอบลืม
ขนาดเงินตัวเองยังจำไม่ค่อยได้
แต่ที่ว่าหาย มันก็แค่อยู่ในกระเป๋าใบอื่น
พอกองไว้รวมกัน ก็หายซะแระ
เหมือนเอาใบไม้ซ่อนไว้ในป่า
กระเป๋าในกระเป๋าในกระเป๋าในกระเป๋า
ซ่อนกระเป๋าในกระเป๋าหรือยังไงกัน
ซ่อนจนลืมไปว่ามีเลยละมั้ง
ข้องใจว่าแป้นพิมพ์ หรือแอพนี้กันแน่..
ที่พอพิมพ์ๆไปแล้วมันขีดเส้นใต้ให้เอง
มาดูอีกที อ้าว ขีดเส้นใต้เฉยเลย
หมียูไอมันก็อัพเดตอะไรแปลกๆมาอีก
ต้องทำความเข้าใจอะไรอีกเยอะกับเครื่องนี้
แค่เสียใจที่ไม่ได้เล่นเดอะซิมส์ในคอมเลย
แต่มีโทสับกับแท็บเล็ตก็ช่วยคลายเศร้า
เศร้าหรือเปล่านะ ชอบตั้งคำถามกับตัวเอง
ชอบสงสัยในความคิดและความสงสัย
ยิ่งสงสัยคงยิ่งใช้งานประสาทเยอะจนปสด.
ทำไมปสด.ถึงมีความหมายในแง่ลบนะ
ก็แค่เหมือนโทสับค้าง เครื่องรวน ติดมัลแวร์
หรือเปล่านะ หรือเปล่านะ หรือเปล่านะ
บางทีความลังเลสงสัยคงทำให้ใช้ชีวิตยาก
แบบว่าต้องไขปริศนาก่อนจะทำอะไรได้
คิดมากบางทีก็เปลืองพลังงานเปล่า
ควรจะประหยัดพลังสมองบ้าง พักบ้างละนะ
ใช้ความคิดมากจนลืมสังเกตความรู้สึก
บางทีความรู้สึกมากล้นหลามเพราะลืมสังเกต
ถ้าจับได้ตั้งแต่ทีแรก คงจะตั้งสติได้ดีกว่าละนะ
บางทีก็ขี้เกียจตั้งสติ ทั้งที่จำเป็นแท้ๆ
คนเราพอมีสติ ก็มีวินัยขึ้น มันก็น่าจะจำเป็นนะ
ลองไปหาวิธีฝึกสติแบบไหนดีนะ
ท่องจำก็ไม่ใช่จะดีหรอกนะ
เพราะขาดสติบ่อย เลยลืมบ่อยละมั้ง
ถ้าสติดี ก็จะจำได้แม่นกว่าด้วย
อยากทำงานนอกบ้านแต่ออกไปไม่ได้เลย
ตอนนี้ยายก็นอนป่วยด้วยอาการเกี่ยวกับปส.
ยิ่งต้องการให้คนเอาใจใส่ด้วย
การเอาใจใส่คนอื่นต้องทำยังไงบ้างนะ
มันยากจริงๆ เลย
ต้องแคร์ความรู้สึกคนที่กำลังเจ็บปวด
ยิ่งตัวเองก็ยังปวดนู่นปวดนี่
มันเริ่มจะแยกประสาทการปวดไม่ถูก
ยิ่งสับสนบ่อยๆ ง่ายๆ เสมอๆ แต่ไม่แน่นอน
เขียนอะไรไปก็สับสนๆ อยู่
พรุ่งนี้ต้องไปสับสนๆ ที่อื่นอีกด้วย
แค่สับสนๆ ในบ้านก็แย่ มันสับสนเกินไป
รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง ทุกทีที่ต้องสับสน
ความชัดเจนในความไม่ชัดเจนมันช่างแน่ชัด
เดี๋ยวนะ พิมพ์อะไรที่มันสับสนๆ ออกไปเนี่ย
ยิ่งชัดเจนก็ยิ่งสับสน ยิ่งสับสนก็ยิ่งชัดเจน
แยกแยะของตรงข้ามสองสิ่งมันพิลึกไปไหมนะ
ของตรงข้ามบางอย่างก็เป็นคู่ บางอย่างก็เป็นขี้
เอ้ย มันใช่เรื่องที่มานั่งแจกแจงอะไรพรรค์นี้ไหม
แต่ทำไมเวลาเขียนแล้วเหมือนได้คี่ /ขี้ปะนะ
ความไร้สาระในการเขียนเรื่อยเปื่อย
มันช่างผ่อนคลายดี พอๆ กับดูหนังฟังเพลง
ที่จริงก็สามารถใช้การเขียนบำบัดได้นี่หน่า
ถึงจะเคยอ่านเรื่องทำนองนี้มานานแล้ว
แต่ก็ขี้เกียจจะศึกษาให้มันถ่องแท้
สู้มาลองเขียนลงมือแบบมั่วๆไปเลยดีกว่า
คงจะคล้ายฟรีไรติ้ง หรืออาจจะใช่ หรือไม่ใช่
แต่คนแบบนี้ แทนที่จะเขียนแล้วเคลียร์
กลับยิ่งสับสนหนักกว่าเดิมเข้าไปอีกแฮะ
เหมือนสมองได้รับการกระตุ้นให้คิดมากขึ้น
ยิ่งเขียนจนเกิดความพอใจอาจจะหลั่งโดปามีน
พอเขียนเลยยิ่งคิดนู่นนี่นั่นแบบไม่บันยะบันยัง
ช่วงไหนหยุดเขียนเลยเหมือนจะซึมๆไป
แต่ แต่ แต่ ยิ่งเขียนก็ยิ่งคิดต่างมากขึ้น
เลยชอบติดใช้คำว่าแต่ เพื่อสร้างข้อขัดแย้ง
การคิดต่างในหัวก็เหมือนตัวเองมีหลายคน
เลยชอบทะเลาะกับตัวเองและละเลยคนอื่น
ก็คิดต่างจนแทบจะแยกออกมาเป็นสิบคน
การบริหารควบคุมคนในตัวเองทั้งสิบเลย..
บางทีก็ทะเลาะกันจนคนทั้งสิบหนีออกไป
กลายเป็นเหมือนกับภาชนะที่ไม่ได้ใส่อะไร
ความรู้สึกแบบนั้นอาจคล้ายกับความเหงา
แต่มันก็โล่งเบาสบาย และไร้ความคิดสิ้นดี
เพราะแบบนั้้นถึงได้อยากตายไปเลย
มันเป็นสภาวะแบบเวิ้งว้างว่างเปล่าไร้แก่นสาร
เหมือนจะยึดเกาะอะไรไว้ไม่ได้และมองไม่เห็น
ถ้าไม่มีสติก็อาจจะทำร้ายตัวเองเพื่อให้รู้สึก
เพราะสภาวะแบบนั้นมันแทบจะไม่รู้สึกหรือคิด
แต่ถ้าคิดมักจะคิดในแง่ลบและเจ็บปวด
เหมือนกับความเจ็บปวดเกิดขึ้นเพื่อให้มันปกติ
แต่บางคนแทนที่จะปกติกลับจมลงไปในนั้น
พักนี้ สังเกตได้ว่า กลัวที่โล่งแจ้ง
ชอบอยู่แบบอุดอู้และมืดๆ รู้สึกนอนสบายกว่า
ยิ่งสว่างและโล่งยิ่งรู้สึกว่างเปล่าละมั้ง
พอเห็นความว่างเปล่าแล้วมันน่าหดหู่
เลยต้องทำห้องให้มันรกๆ เอาของมาสุมๆ
ไม่ใช่ขี้เกียจเก็บ แต่เป็นภาวะทางใจที่ทำ
ทำให้อยากสุมห้องจนรก รกจนหาที่ว่างไม่ได้
คงจะเป็นประมาณนี้ละมั้ง สถานการณ์ล่าสุด
ปล.เว้นว่างแล้วจะช่วยให้สับสนน้อยลงไหม
ปล.ปล.เว้นว่างช่วยให้หายใจคล่อง เอ้ย อ่านคล่องกว่า เหมือนได้หยุดหายใจ เร่งรีบไป ก็ดีแต่จะไม่ทน อาจจะตายได้ง่ายๆ
ปล.ปล.ปล.หรือเปล่านะ
ปล×4 แก้ไขเรื่องที่ทำไมพิมพ์เว้นวรรคเป็นเว้นว่าง กลับมาอ่านแล้วข้องใจแฮะ คงออกมาจากจิตใต้สำนึก /มั่วๆ
.