เจอชั้นหนังสือที่อยากวางหนังสือของตัวเองแล้ว ฟินเฝ่ออ
ทำให้วันนี้ไปขลุกอยู่ตรงนั้น แต่ก็แอบรำคาญเด็กมานั่งแผ่เต็มไปหมด
ที่บ้านไม่มีพื้นให้นั่งกันหรือยังไงนะ ต้องมานั่งเม้าส์มอยกันในร้านหนังสือ
แอบรำคาญจนต้องปลีกไปมุมประวัติศาสตร์-ศาสนา-จิตวิทยา (ที่เงียบเหงา)
อ่านฟูโกต์ โคตรมึนเบยยย แบบว่าเคยได้ยินชื่ออยู่บ้าง แต่ไม่รู้จักสักเท่าไหร่
อ่านแค่คำนำยังใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง แต่ก็เพลินๆ ดีแฮะ แปลกๆ ดี
อ่านแล้วรู้สึกอยากวิพากษ์อะไรบางอย่างขึ้นมาเลย เพียงแต่ยังไม่รู้ว่า วิพากษ์คืออะไร..
พอคนเริ่มซา เราก็กลับไปมุมนั้น หวังว่าจะได้อ่านนิยายสักเล่มสร้างแรงใจ
ชอบหนังสือภาพของจิมมี่ เลียวจุงเบย แต่เราไม่มีสกิลด้านนั้น ขอแค่เขียนได้ก็พอ
แล้วแบบว่า ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือภาพ แทนที่จะเป็นนิยาย
อยากเขียนให้มันสะเทือนอารมณ์แบบนั้นบ้าง รู้สึกว่ามันสวยงามมาก
ทั้งภาพ ทั้งข้อความประกอบ มันสวยงามมาก จนอยากตายคาหนังสือ
เห้อ เราก็ชอบพูดชอบเขียนอะไรเว่อๆ แบบนี้อยู่เรื่อย โอเว่อแอ็คติ้งสินะ
ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่นานมาก ชื่อ..จงเป็นโสดเป็นโสดเถิด
แต่ขอโทษเถอะ คนที่นั่งอ่านอยู่ข้างๆ เห็นแล้วไม่อยากเป็นโสดเลย
จนไม่อยากลุกไปไหนเลย แต่หลักการในหนังสือนี่มัน..ขโมยความคิดเราไปเปล่า
ฮาดี เผลอหลุดขำออกมาหลายรอบจนอายเลย คึคึ แต่ไม่ได้หรอก...
เรายึดมั่นในหลักการเหล่านั้นมาจนฝังลงไปในจิตใต้สำนึกลึกโคตรๆ
อีกอย่างนะ ก็ไม่อยากจะพรากผู้เยาว์ด้วย อื้มมม ชักจะไม่เกี่ยวไปเรื่อยๆ แล้ว
ก็จริงที่หลายๆ ครั้งเรารู้สึกว่าการเขียนการพูด มันเต็มไปด้วยเรื่องผิดพลาด
การรับรู้มึนๆ แบบได้ยินหนูร้องเข้าใจว่า เป็นแมลงสาบ อะไรนี่ก็ด้วย ตอนนั้นมึนมาก
ต่อเติมบ้านก็เขียนว่า สร้างบ้าน พอนึกได้ก็มานอนกลุ้มว่า เขียนอะไรลงไปเนี่ย
รู้สึกว่า ยังมีอีกหลายอย่างที่ผิดพลาด แต่ก็ต้องปลงๆ ซะบ้าง
ข้อผิดพลาดมันก็มีประโยชน์อยู่บ้าง ถ้าไม่มีผิด ก็ไม่มีถูก มันก็ไม่มีอะไรเลย