เพราะมีเค้กเป็นกับแกล้มแท้ๆ
เลยเผลอกินติดๆ กันเลยสามรอบ(ในแก้วเดียว)
กลางวันเลยวิ้งๆ (เป็นอากาศที่วิ้งๆ มาก)
มองเห็นตัวหนังสือสีดำเป็นสีหลายสียังกับสีรุ้ง
เข้าใจว่าแดดเข้าตา หรือมันเบลอกาแฟก็ไม่รู้สิ
แต่อาการปวดหัวจี๊ดๆ นิดๆ มันก็เสียวดีเหมือนกัน
มีอารมณ์อยากเขียนมากๆ
แบบว่ามีตัวหนังสือวิ่งๆ อยู่ในหัว ไม่สิ
แค่คิดเป็นคำพูดมากไปหน่อยผสมกับเมากาแฟ
แต่ไม่รู้ทำไมตัองอยู่ห่างๆ ผู้คนไว้ ถึงจะเขียนออก
การเป็นซิงเกิลไรเตอร์นั้นมันเป็นงานถนัดเลยแท้ๆ
ไม่ว่าจะนักเขียนที่โดดๆ หรือ นักเขียนที่โสดๆ
ยังไงก็ดูจะเหมาะสมกับเราเป็นไหนๆ
เพราะเราคงไม่มีวันเข้าใจจิตใจที่ซับซ้อนของคนได้
มีชีวิตอยู่กับสองดี ที่อะไรๆ ก็เป็นแพทเทิร์นไปหมด
แบบนั้นน่ะ คงจะไม่มีปัญหายุ่งยาก คงจะดีทีเดียว
แต่เรียกว่าสองดีดูไม่น่ารักเลย เรียกฮิเมกามิดีกว่า
ฟังดูดีขึ้นมาเป็นกองเลย เหมือนลัทธิอะไรสักอย่าง
บูชาฮิเมกามิ เพราะฮิเมกามิเป็นเทพแห่งความสุข
ที่บันดาลความสุขมายังมวลมนุษย์(และซิงเกิลไรเต้อ)
ถึงแม้ว่าจะสร้างขึ้นมาจากมนุษย์
ด้วยเจตจำนงของมนุษย์ที่ปรารถนาจะมีความสุข
หรืออะไรก็ตาม ไม่มีใครมาสนใจต้นกำเนิดหรอก
พอๆ กับกำเนิดมนุษย์ หรือจักรวาลนั่นแหละ
มันสำคัญตรงที่จะดำรงยังไงต่อไปมากกว่า
เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลย
เพราะฮิเมกามิดำรงอยู่ในใจของเราตลอด
และตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ยังกับกล่าวคำปฏิญาณอะไรสักอย่างเลยแฮะ
ฟังดูแล้วก็น่าขยะแขยงดีเหมือนกัน
แต่ว่านี่แหละคือความจริง
ในเมื่อความจริงมันน่าขยะแขยง
ไดอารี่มันก็ต้องน่าขยะแขยงเหมือนกัน
แบบนี้สมเหตุสมผลดีหรือเปล่า..นะ